คนชมงาน “มอเตอร์โชว์” หนึ่งในสี่ต้องการซื้อรถ

บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนลหรือ GPI โชว์ผลสำรวจพฤติกรรมผู้เข้าชมงานมอเตอร์โชว์ ปี 2018 พบในจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 27.5% ตั้งใจมาเพื่อชมนวัตกรรม 25.2% มีความตั้งใจจองซื้อรถยนต์ และส่วนใหญ่วางแผนซื้อรถภายในปีนี้ มากที่สุดถึง 38.5% อีก 10% วางแผนซื้อรถในปีหน้า

นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้านการตลาดและการขาย บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI ผู้นำการสร้างสรรค์สื่อนวัตกรรมยานยนต์และการจัดกิจกรรมครบวงจร เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่นานาชาติ เปิดเผยว่า งานมอเตอร์โชว์ 2018

ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีโดยมียอดจองรถซื้อรถยนต์ภายในงานรวม42,499 คัน แบ่งเป็น รถยนต์ 36,587 คันและจักรยานยนต์ 5,912 คัน โดยค่ายรถหรูอย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู มียอดจองเป็นอันดับที่ 5 และอันดับที่ 11 ตามลำดับ ส่วน ค่ายโตโยต้า ฮอนด้า และ มาสด้า มียอดจองสูงสุด 3 อันดับแรก

นอกจากนี้ยังเป็นงานที่มีการจัดแสดงนวัตกรรมยานยนต์มากมาย ทั้งการเปิดตัวคอนเซ็ปต์คาร์ หรือรถยนต์ต้นแบบจากผู้ประกอบการ 3 ราย ได้แก่ ค่ายมิตซูบิชิ มอเตอร์ ประเทศไทย, ฟอมม์ (FOMM) และ ไมน์ (Mine)และการเปิดตัวคอนเซ็ปต์ไบก์ จากผู้ประกอบการอีก 2 ราย ได้แก่ ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ และ ฟอมม์ การเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากผู้ประกอบการ4 ราย ได้แก่ ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย, เอ.พี.ฮอนด้า (จักรยานยนต์ EV), บีวายดี (BYD) และ ฮุนได รวมถึงมีการเปิดตัวรถยนต์และจักรยานยนต์รุ่นใหม่รวม 6 ราย อาทิ เมอร์เซเดส-เบนซ์

ประเทศไทย, บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย, ฟอร์ด ประเทศไทย ฯลฯ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ที่เปิดตัวจักรยานยนต์ EV รวมถึงมีการนำเสนอรถยนต์และจักรยานยนต์ที่เป็นไฮไลต์กว่า 60 รุ่น

ความสำเร็จในการจัดงานครั้งนี้สอดคล้องพฤติกรรมของผู้เข้าชมงานในปีนี้ ซึ่งบริษัทได้มีการทำแบบสอบถามผ่านระบบออฟไลน์และออนไลน์ของผู้เข้าชมงานที่เป็นกลุ่มตัวอย่างในการจัดเก็บข้อมูล 41,553 คน จากผู้เข้าชมงานทั้งหมด ประมาณ 1.6 ล้านคน พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นพนักงานบริษัทเอกชนสูงถึง 30.7% รองลงมาเป็นเจ้าของธุรกิจ 27.4% ข้าราชการหรือ ผู้ที่ทำงานรัฐวิสาหกิจ 16.6% ที่เหลือประกอบอาชีพอิสระ 16% หรือ 6,645 คนและนักเรียน/นักศึกษา 9.3%

ขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีรายได้ระหว่าง 15,000-30,000 บาทต่อเดือน คิดเป็น 30.8% รองลงมามีรายได้ระหว่าง 30,001-60,000 บาทต่อเดือน จำนวน 29.4% และมีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน จำนวน 14.6%ส่วนรายได้อยู่ในช่วง 100,000 บาทขึ้นไปต่อเดือน คิดเป็น 12.8% และมีรายได้ระหว่าง 60,001-100,000 บาทต่อเดือน มีสัดส่วน 12.4% ซึ่งฐานข้อมูลของกลุ่มตัวอย่างดังกล่าวนั้นสะท้อนว่า กลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางนั้นให้ความสนใจเข้ามาชมงานมอเตอร์โชว์มากที่สุด

ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เข้าร่วมงานในปีนี้ เพื่อต้องการเข้ามาชมนวัตกรรมยานยนต์ คิดเป็น 27.5% เพื่อซื้อรถยนต์ 25.2% และมาเพื่อเปรียบเทียบราคาหรือโปรโมชั่น 17.5% ส่วนที่เหลือมาเพื่อซื้ออุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ 13.2% เพื่อซื้อจักรยานยนต์ 11.3% และเพื่อซื้ออุปกรณ์ตกแต่งจักรยานยนต์จำนวน 5.3% สะท้อนว่าผู้ชมงานส่วนใหญ่มีความต้องการที่จะซื้อรถยนต์ จักรยานยนต์และชุดตกแต่ง โดยเปรียบเทียบราคาและโปรโมชั่นภายในงานก่อนตัดสินใจซื้อ นอกจากนี้ หากเจาะลึกถึงระยะเวลาที่จะซื้อจากกลุ่มตัวอย่าง ส่วนใหญ่มีแผนซื้อรถภายในปีนี้มากที่สุด 38.5% รองลงมาคือยังไม่มีกำหนดเวลาซื้อรถชัดเจน 33.1% ส่วนที่วางแผนซื้อรถภายในงานมีสัดส่วน 18.4% และส่วนที่เหลืออีก 10% วางแผนซื้อในปีหน้า ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนคนที่มาชมงานมอเตอร์โชว์ส่วนใหญ่มีแผนซื้อรถภายในปีนี้

“จากการเก็บแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่างในครั้งนี้บ่งบอกถึงแนวโน้มของอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยในปีนี้ที่มีแนวโน้มสดใส เนื่องจากผู้บริโภคมีความตั้งใจจะออกรถยนต์หรือจักรยานยนต์คันใหม่เป็นจำนวนมาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน” นายจาตุรนต์กล่าว

นายคริสเตียน วิดมานน์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่ามอเตอร์โชว์ถือเป็นงานแสดงสินค้าด้านยานยนต์ที่มีความยิ่งใหญ่ และได้รับการยอมรับด้านมาตรฐานการจัดงานในระดับโลก บีเอ็มดับเบิลยูจึงใช้งานนี้เป็นเวทีเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ และนำเสนอรถยนต์รุ่นต่าง ๆ ของบีเอ็มดับเบิลยูที่อยู่ระหว่างการทำตลาด เพื่อแนะนำเทคโนโลยีด้านยานยนต์ที่เป็นนวัตกรรมที่จะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่ผู้ชมงานสามารถปิดยอดขายได้ 1,472 คัน ซึ่งถือว่าได้รับการตอบรับที่ดี

เช่นเดียวกับ นายอัชฌ์ บุณยประสิทธิ์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เบนซ์มียอดขายรถที่เกิดขึ้นภายในงาน 2,297 คัน

นับว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ นอกจากนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ มีมุมมองที่ดีต่อภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ในครึ่งปีหลังที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดี เช่นเดียวกับในช่วง 4-5 เดือนแรก