ค่ายรถปรับเป้าขายรับเศรษฐกิจฟื้น มั่นใจนโยบายรัฐดันกำลังซื้อแตะล้านคัน

ค่ายรถยนต์กร้าวปรับเพิ่มยอดขายปีนี้ หลังสัญญาณบวกเพียบ ทั้งเศรษฐกิจ-การเมืองดันกำลังซื้อมาเต็ม มั่นใจขายแตะระดับล้านคัน

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานยอดขายรถยนต์ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาของกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ หอการค้าญี่ปุ่น พบว่า มียอดขายทั้งสิ้น 401,596 คันโต 18% แบ่งเป็นรถปิกอัพขนาด 1 ตัน จำนวน 171,752 คัน รถยนต์นั่งขนาดกลาง 23,409 คันรถยนต์นั่งขนาดเล็ก อีโคคาร์ และบีคาร์ จำนวน 114,734คัน รถเอสยูวี จำนวน 57,189 คัน รถยนต์นั่งขนาดกลางและใหญ่ จำนวน 2,901 คัน มีส่วนแบ่ง 29.1% เอ็มพีวี จำนวน 963 คัน และอื่น ๆ จำนวน 30,638 คัน

นายสมภพ ปฏิธานธาดา ผู้จัดการทั่วไป ส่วนการตลาดและการวางแผนกลยุทธ์ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดรถยนต์ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมียอดขายไปมากกว่า 400,000 คัน ทำให้เชื่อว่าช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ ตลาดรวมน่าจะมีโอกาสขยับขึ้นไปถึงระดับ 940,000 คัน

สำหรับปัจจัยที่เชื่อว่าจะช่วยผลักดันให้ตลาดมียอดขายเพิ่มขึ้นนั้นเป็นผลมาจากสัญญาณบวกในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านเศรษฐกิจที่มีทิศทางที่ดีขึ้น รวมทั้งทิศทางความชัดเจนทางด้านการเมือง และการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ของค่ายรถยนต์แต่ทั้งนี้ยังต้องจับตาปัจจัยลบที่อยู่นอกเหนือการควบคุม โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังต้องจับตากันอย่างใกล้ชิด

ขณะที่บริษัทได้เตรียมพิจารณาเพื่อปรับเป้ายอดขายในปีนี้ จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ในช่วงต้นปีที่ 125,000 คัน โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย เป็น 156,000 คัน

ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวรถยนต์นั่งอเนกประสงค์อย่าง ฮอนด้า ซีเอช-อาร์ ไมเนอร์เชนจ์ ออกสู่ตลาด พร้อมตั้งเป้ายอดขายที่ 18,000 คัน ภายในช่วงระยะเวลา 12 เดือนจากนี้

“ตอนนี้ตลาดเริ่มกลับมาแล้ว สังเกตได้จากการตอบรับของลูกค้าในช่วงที่ผ่านมาของเราเอง รถยนต์ในกลุ่มซิตี้, ซีวิค และแจ๊ซ ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ส่วนซีเอช-อาร์ของเรานั้น ก็เชื่อว่ายังมีกลุ่มลูกค้าที่ชะลอการตัดสินใจซื้อ เพื่อรอดูความเปลี่ยนแปลงของรถเราในวันนี้อีกเป็นจำนวนไม่น้อย” นายสมภพกล่าว

ทั้งนี้ จะเห็นว่าตลาดในช่วงที่ผ่านมา รถในกลุ่มเอสยูวีมีการเติบโตเป็นอย่างมาก จากตัวเลขโดยรวมของปีที่ผ่านมา รถกลุ่มนี้มียอดขายที่ประมาณ 50,000 คัน

ส่วนปีนี้ฮอนด้าเชื่อว่ารถกลุ่มนี้จะเติบโตขึ้นไปถึงระดับ 70,000 คันต่อปี เนื่องจากมีผู้เล่นหน้าใหม่ และค่ายรถได้แนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ประกอบกับความนิยมของกลุ่มผู้บริโภคเองก็ให้ความสนใจกับรถประเภทนี้เพิ่มขึ้นเช่นเกียวกับ นายโมริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ผลจากปัจจัยบวกหลังสิ้นสุดโครงการรถยนต์คันแรกนั้น ทำให้ตลาดรถยนต์ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา มีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 18% จากเดิมที่ประเมินว่ายอดขายโดยรวมจะอยู่ที่ 9.3 แสนคันนั้น วันนี้มิตซูบิชิเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่ยอดขายรถยนต์จะกระโดดขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 1 ล้านคันค่อนข้างสูง

ทั้งนี้ เนื่องจากนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐผ่านเมกะโปรเจ็กต์ต่าง ๆ เริ่มส่งผลเข้าไปยังภาคเศรษฐกิจของประเทศและท้องถิ่น ประกอบกับการส่งสัญญาณเรื่องการเลือกตั้งจากภาครัฐเอง ก็ทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจเพิ่มขึ้น และตลาดมีแนวโน้มที่ดีขึ้น

“ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา เราจะเห็นได้ว่ามีปัจจัยบวกสามารถช่วยกระตุ้นตลาดในช่วง 5 เดือนแรกได้เป็นอย่างดี ซึ่งหากรักษาระดับการเติบโตแบบนี้ไปได้ ก็น่าจะส่งผลให้ยอดขายโดยรวมขยับขึ้นไปอยู่ระดับหนึ่งล้านคันได้ไม่ยาก”

เช่นเดียวกัน มิตซูบิชิต้องมีการปรับเป้าหมายยอดขาย เนื่องจากตลาดรวมมีการเติบโต ดังนั้น มิตซูบิชิจะต้องเติบโตตามตลาดไปด้วย ช่วงที่ผ่านมามีส่วนแบ่งทางการตลาดจาก 7.9% เพิ่มขึ้นเป็น 8.3% ทั้งปีจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 8.3% อย่างแน่นอน

โดยบริษัทมีแผนที่จะแนะนำรถยนต์ครอสโอเวอร์อย่าง มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ออกสู่ตลาด ก็เชื่อว่าน่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีและภายในปีงบประมาณนี้ (มีนาคม 2562) มิตซูบิชิมีแผนจะแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดอีก 1 รุ่น

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า 5 เดือนแรก เอ็มจีมียอดขายเกือบ 10,000 คัน คาดว่าจนถึงสิ้นปีจะทำยอดขายได้ตามเป้าที่วางไว้ คือ 30,000 คัน โดยแบ่งออกเป็นรุ่น เอ็มจี แซดเอส 1.5 หมื่นคัน, เอ็มจี 3 ใหม่ 1 หมื่นคัน, เอ็มจี จีเอส 3,000 คัน และอื่น ๆ อีก 2,000 คัน

สาเหตุที่ทำให้ตลาดรถยนต์รวมยังเติบโต เพราะเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น ทั้งจีดีพี ทั้งรถในโครงการรถคันแรกที่จะเริ่มเข้ามาเปลี่ยนเป็นคันใหม่ ทำให้เชื่อว่ายอดขายของทั้งตลาดจะเติบโตประมาณ 10% หรือ 950,000 คัน

ขณะที่ผลการดำเนินงานของเราในช่วง 5 เดือนถือว่าดี และคาดว่าภายในเดือน 6 ยอดขายรวมของเราจะมากกว่าปีที่ผ่านมาทั้งปี เพราะความนิยมที่มีต่อรถรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็น แซดเอส และล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวคือ เอ็มจี 3 ใหม่ด้วย

“เอ็มจี 3 เรามั่นใจว่าเอ็มจี 3 ใหม่ ที่เพิ่งจะเปิดตัวนี้ จะทำยอดขายได้กว่า 1 หมื่นคันภายในสิ้นปีนี้”

สำหรับแผนงานด้านผลิตภัณฑ์ในรุ่นอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น รถตู้ขนาดเล็ก, รถยนต์ไฟฟ้า, รถปิกอัพ โดยทั้งหมดยังอยู่ในระหว่างการศึกษา เบื้องต้นในปีนี้จะเน้นไปที่รุ่นแซดเอส และเอ็มจี 3 ใหม่”

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารการตลาด บริษัท ซูซูกิ ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดรถยนต์โดยรวมของปีนี้น่าเป็นผลดีเนื่องจากปัจจัยข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นสภาพเศรษฐกิจ การเมือง โดยเฉพาะหากการเมืองมีการเลือกตั้งในช่วงปีหน้า ก็จะส่งผลให้ตลาดรถยนต์เเละเศรษฐกิจของประเทศไทยมีการขับเคลื่อนปีนี้คาดว่ายอดขายรถยนต์น่าจะขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 960,000 คัน ซูซูกิจะมียอดขายที่ 34,000 คัน และรถยนต์ในกลุ่มอีโคคาร์ก็จะเป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

นายโทชิอากิ มาเอคาวะ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวว่า อีซูซุได้ประเมินภาพรวมตลาดรถยนต์ปีนี้เพิ่มขึ้น จากเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาที่ 940,000 คัน หรืออาจจะมากกว่า โดยเห็นจากตัวเลขยอดขายในช่วงที่ผ่านมา ตลาดมีทิศทางที่ค่อนข้างดี เพียงแต่ช่วงไตรมาสที่ 3 ที่เป็นช่วงโลว์ซีซั่น ตลาดอาจจะขายได้น้อยลง แต่เชื่อว่าเมื่อเข้าสู่ปลายปี ตลาดจะกลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนตลาดส่งออกนั้นเชื่อว่าไม่แต่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้นที่ต้องจับตามาตรการกีดกันการค้าระหว่างประเทศโดยเฉพาะอเมริกา รวมถึงอัตราดอกเบี้ยว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกมากน้อยเพียงใด รวมทั้งอัตราค่าเงินบาทที่อาจจะส่งผลต่อประเทศไทยส่วนอีซูซุเองมั่นใจว่าจะพยายามรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดที่ระดับ 18%