เป้าหมายนี้คือ โจทย์ข้อใหญ่ ที่สำคัญของชาว “ยามาฮ่า”วันก่อน “ชิเงโอะ ฮายาคาวะ” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดบ้านที่ถนนบางนา-ตราด กม.21 เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยน และรับฟังแนวคิดในการขับเคลื่อนตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา หลังจากบริษัทแม่ประกาศนโยบายและทิศทางการขับเคลื่อนบนแนวทางใหม่
ภายใต้แนวคิดหลัก 3 ด้าน 1.พันธกิจขององค์กรที่ยึดมั่นในหลักปรัชญา “คันโด” ซึ่งหมายถึง การสร้างความสุขให้กับลูกค้าผ่านสินค้าของยามาฮ่า
2.แบรนด์สโลแกน “Revs your Heart” ซึ่งเปรียบได้กับเครื่องยนต์ที่พุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็ว และมอบ หรือเติมเต็มประสบการณ์สมรรถนะที่เร้าใจให้ผู้ขับขี่
3.วิถีอันเป็นเอกลักษณ์ของยามาฮ่า ซึ่งประกอบด้วยหลักใหญ่ใจความใน 5 ด้าน ได้แก่ การริเริ่ม (innovation)ความสนุกสนาน (excitement) ความมั่นใจ (confidence) ความดึงดูดใจ (emotion) และความผูกพัน (ties)ซึ่งทั้ง 5 ส่วนจะทำหน้าที่สอดประสาน หลอมรวมเพื่อก่อให้เกิดเอกลักษณ์ ที่เป็นแบบเฉพาะของ “ยามาฮ่า” นั้นคือรูปแบบและแนวทางที่ยามาฮ่าทั่วโลก ได้ยึดแบบเป็นพิมพ์เขียว เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายเดียวกัน คือการมอบความพึงพอใจที่เหนือความคาดหมายให้กับลูกค้า
ส่วนไทยยามาฮ่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้นำหลักการดังกล่าวมาเป็นแม่แบบในการปฏิบัติ ผ่านกิจกรรมการสื่อสารและการสร้างแบรนด์ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งภายในองค์กรเอง ผ่านความหลากหลายของกิจกรรม ตั้งแต่การยกระดับมาตรฐานการบริการด้านสุขภาพให้กับพนักงงาน ด้วยการจัดตั้งศูนย์ดูแลสุขภาพไทยยามาฮ่า, มีกิจกรรมกีฬา
การจัดกิจกรรม “ยามาฮ่า เดย์” ซึ่งตรงกับทุกวันที่ 1 ก.ค.ของทุกปี เพื่อสร้างการรับรู้ถึงราก และแก่น ของความเป็น “ยามาฮ่า” ตั้งแต่อดีต จวบจนปัจจุบัน และมองผ่านไปยังอนาคต ด้วยความเชื่อที่ว่า เมื่อคนในองค์กรมีความสุข พวกเขาจะสามารถส่งต่อความสุข และถ่ายทอดความเป็นแบรนด์ของยามาฮ่า ออกไปภายนอกได้ดีที่สุด หรือแม้แต่การขับเคลื่อนภายนอกองค์กร ไม่ว่าจะเป็นพัฒนาเทคโนโลยีต่อเนื่อง ดังจะเห็นจากผลิตภัณฑ์รถรุ่นใหม่ รวมไปถึงการขยายธุรกิจใหม่
ล่าสุดที่เราจับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรม คือ การผลิตรถกอล์ฟและเครื่องยนต์เรือ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานผลิตที่สำคัญ
นอกจากนี้ ไทยยามาฮ่ายังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี 2018 ที่จะมีขึ้นที่สนามช้างฯ บุรีรัมย์ ในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งมิใช่แค่เพียงในประเทศไทยเท่านั้น เพราะในระดับโลก ยามาฮ่าก็มีการสนับสนุนการแข่งขันดังกล่าว จนกลายเป็น “ดีเอ็นเอ” ของยามาฮ่าไปแล้ว
ขณะที่การดูแลลูกค้า ไทยยามาฮ่าได้เพิ่มความละเอียดการใส่ใจ ด้วยมาตรฐานการบริการที่เหนือกว่า (ความคาดหวัง) กับนโยบาย การปรับภาพลักษณ์โชว์รูมและศูนย์บริการใหม่ ภายใต้การดำเนินงานของ “ยามาฮ่า พรีเมี่ยม เซอร์วิส ช็อป” ซึ่งจะเริ่มจากศูนย์ต้นแบบ เพื่อให้บริการหลังการขาย และเป็นศูนย์ฝึกอบรมด้านต่าง ๆ ของยามาฮ่า โดยตั้งอยู่ที่ ถ.ศรีนครินทร์ ซึ่งพร้อมเปิดให้บริการได้ราวต้นปี 2562
และนี่คือแนวทางของการขับเคลื่อนแบรนด์ยามาฮ่า ไปสู่ปีที่ 132 และปีต่อ ๆ ไปได้อย่างแข็งแรงและเติบโตอย่างมั่นคง