ซูบารุปั้นไทยหนึ่งในสี่ฮับผลิต ประเดิมฟอเรสเตอร์ตอบรับเทรนด์ SUV

“ซูบารุ” ประกาศดันไทยขึ้น “ฮับ” ผลิตรถยนต์ 1 ใน 4 ฐานผลิตสำคัญของโลก ประเดิม “นิว ฟอเรสเตอร์” ก่อนดึงอีกหลายรุ่นเพิ่มเติม มั่นใจตลาดเอสยูวิ่งฉิวปลื้มยอดขายในไทยโตพรวด 100% 

นางสาวจุนโกะ อิโนะอุเอะ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดภูมิภาคเอเชีย บริษัท ซูบารุ คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่าหลังตัดสินใจลงทุนสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทย โดยร่วมทุนระหว่างบริษัท ฟูจิ เฮฟวี่ อินดัสตรี้ จำกัด (FHI) และบริษัท ทีซี แมนูแฟคเจอริ่ง แอนด์ แอสเซมบลี่ย์ (ประเทศไทย) จำกัด (TCMA TH) มั่นใจว่าศักยภาพของรถยนต์ซูบารุจะมีมากขึ้นโดยเฉพาะการเพิ่มโอกาสเติบโตและขยายตลาดในภูมิภาคเอเชีย

ปัจจุบันซูบารุมีโรงงานประกอบรถยนต์กระจายอยู่ 4 ฐานการผลิตทั่วโลกได้แก่ สหรัฐอเมริกา, มาเลเซีย, ญี่ปุ่น และในปีหน้าจะเพิ่มประเทศไทยอีก 1 แห่ง ส่วนเทรนด์ความต้องการใช้รถยนต์ของลูกค้าซูบารุในปัจจุบัน เซ็กเมนต์เอสยูวีกำลังตอบโจทย์ตลาด ประกอบกับยุทธศาสตร์สำคัญของซูบารุตามแผนพัฒนาระยะยาว “Prominence 2020” เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งแบรนด์และการแข่งขันก็ให้น้ำหนักไปในทิศทางนั้นซึ่งเร็ว ๆ นี้จะมีกลุ่มรถเอสยูวีเข้ามาเสริมตลาดอีกหลายรุ่น

ด้านนายเกลน ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ตันจง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และในฐานะผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ซูบารุใน 8 ประเทศทวีปเอเชีย เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจหลังจากบริษัทตัดสินใจลงทุนมูลค่า 150 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 5,000 ล้านบาทเพื่อก่อตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ซูบารุในประเทศไทยว่า ขณะนี้โรงงานได้ก่อสร้างแล้วเสร็จและได้เริ่มทดลองประกอบรถยนต์โปรโตไทป์แล้วเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย และคาดว่าจะเริ่มผลิตจริงได้ในช่วงเดือนมีนาคม 2562 อย่างแน่นอน

“ตอนนี้เราอยู่ระหว่างการทำงานร่วมกับทางญี่ปุ่นเพื่อเก็บรายละเอียดในส่วนของการผลิตเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและคุณภาพสูงสุด ซึ่งขณะนี้ถือเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง รวมทั้งเร่งพัฒนาอบรมพนักงานในส่วนต่าง ๆ เพื่อเตรียมความพร้อม ซึ่งทางซูบารุก็พอใจอย่างยิ่ง”

สำหรับโรงงานแห่งนี้จะเริ่มต้นผลิตรถยนต์เอสยูวี ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ ก่อนเป็นรุ่นแรก หลังจากบริษัทได้เปิดตัวรถรุ่นนี้อย่างเป็นทางการในไต้หวันไปแล้วเมื่อวันก่อน ส่วนประเทศไทยจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ และรับจองในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปปลายปีนี้

สำหรับโรงงานแห่งนี้มีกำลังผลิตสูงสุด 100,000 คันต่อปี แต่คาดว่าจะเริ่มผลิต 15,000 คันต่อปีก่อน จากนั้นจะดำเนินการในลักษณะสเต็ปบายสเต็ป โดยจะมีปรับกำลังผลิตให้สอดคล้องความต้องการ นอกจากผลิตเพื่อรองรับความต้องการของตลาดในประเทศไทยแล้ว ยังจะรองรับความต้องการภายในภูมิภาคและตลาดโลกด้วย

“ปัญหาส่วนใหญ่ของกระบวนการผลิตคือ ปัญหาเรื่องสีรถ ดังนั้น จึงต้องทดสอบเพื่อให้เกิดความมั่นใจมากที่สุดว่าโรงงานแห่งนี้จะสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคาดว่าอนาคตมีความเป็นไปได้ที่จะนำรุ่นอื่น ๆ มาประกอบที่โรงงานนี้เพิ่มเติม

ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่ายอดขายซูบารุที่ 25,000 คันในปีนี้ (ร่วมตลาดจีน) น่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน จากปีที่แล้วมียอดขาย 22,400 คัน หากไม่มีปัญหาเรื่องกำลังผลิตจากทางญี่ปุ่นและมาเลเซีย น่าจะทำให้ตันจง กรุ๊ปบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้ไม่ยากโดยเฉพาะโรงงานในมาเลเซียที่ปัจจุบันยังคงมีปัญหาเรื่องกำลังผลิต โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับสี ซึ่งอนาคตเมื่อโรงงานในประเทศไทยเปิดดำเนินการได้ เชื่อว่าจะเป็นกำลังสำคัญและกำลังหลักในการผลิตรถยนต์ซูบารุเพื่อรองรับความต้องการในอนาคตได้อย่างแน่นอน

ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด ช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาถือว่าน่าพอใจ โดยมียอดขายไปแล้วกว่า 1,400 คัน โต 70% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และทั้งปีคาดว่าจะมียอดขายที่ 3,600 คัน ส่วนปี 2562 เมื่อโรงงานในประเทศไทยเปิดดำเนินการ บริษัทตั้งเป้าว่าไทยจะมียอดขายซูบารุเพิ่มขึ้นเป็น 8,000 คันโดยหวังว่ายอดขายหลักจะมาจากรุ่นฟอเรสเตอร์ 5,000 คัน