“มาสด้า” ประกาศยุทธศาสตร์ เทคโนโลยี “รถพลังงานไฟฟ้า”

นายอาคิระ มารุโมโต คณะกรรมการ, ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประกาศยุทธศาสตร์เทคโนโลยีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เปิดเผยว่า มาสด้าจะนำเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าในรูปแบบต่างๆ มาใช้เพื่อผลิตรถยนต์ทุกรุ่นภายในปี พ.ศ. 2573 และมั่นใจว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ซึ่งทำงานร่วมกับเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าในรูปแบบต่าง ๆ จะเพิ่มขึ้นเป็น 95% ของยานพาหนะที่ถูกผลิตขึ้นและยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) จะมีประมาณ 5%

“ยุทธศาสตร์นี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานและวิสัยทัศน์ระยะยาวของมาสด้าในการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างยั่งยืน ซูม-ซูม 2573 โดยกำหนดเป็นพันธกิจสำคัญของมาสด้าเพื่อปกป้องรักษาความสวยงามของโลกใบนี้ให้คงอยู่”

นอกจากนี้ยังจะเน้นการเชื่อมโยงการสื่อสารภายในยานยนต์ที่กำลังจะถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานปรัชญาการพัฒนาโดยมีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความสุข ความสนุกสนาน และความเร้าใจในการขับขี่ เพื่อให้ผู้ขับขี่รวมทั้งผู้โดยสารเกิดความรู้สึกสงบสุขด้านจิตใจผ่านทางอารมณ์และความรู้สึกที่เพิ่มขึ้น เป็นหนึ่งเดียวกับรถยนต์ในทุก ๆ วันของการขับขี่ พร้อมนำเสนอเรื่องราวเพื่อเพิ่มความสนุกผ่านการเป็นเจ้าของรถยนต์

มาสด้า ตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเพิ่มความสนุกในการขับขี่ โดยจัดการเรื่องขนาดของรถยนต์ เทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าให้มีน้ำหนักเบา ในขณะเดียวกันได้เร่งพัฒนาปรับปรุงเครื่องยนต์สันดาปภายในให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น เพื่อเตรียมสำหรับรถยนต์ส่วนใหญ่ที่เป็นโมเดลใหม่ในอนาคตข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึงเป้าหมายในการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ “well-to-wheel” ในระดับค่าเฉลี่ยขององค์กร ให้ได้ถึง 90% ภายในปี พ.ศ. 2593 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2553

มาสด้าจะพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่ 2 รูปแบบ โดยแบบแรกจะเป็นการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว และแบบที่สองจะเป็นในรูปแบบของแบตเตอรี่ทำงานควบคู่ไปกับเทคโนโลยีช่วยเพิ่มระยะทางในการขับขี่ (Range Extender) ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ โดยแหล่งกำเนิดพลังงานมาจากเครื่องยนต์โรตารีของมาสด้าที่มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา และเงียบเป็นพิเศษ ระบบช่วยเพิ่มระยะทาง (Range Extender) ด้วยการเติมประจุไฟเข้าแบตเตอรี่อีกครั้งเมื่อมีความจำเป็นเพื่อที่จะเพิ่มระยะทางในการขับขี่ของรถยนต์อย่างมีประสิทธิภาพ

“มีคนกล่าวว่า อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในรอบศตวรรษ แต่สำหรับมาสด้าพวกเรามองเห็นว่าสิ่งนี้กลับเป็นโอกาสที่สำคัญเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมรถยนต์รูปแบบใหม่ขึ้นมา”