อนุสรณ์ บุตรสุนทร “สร้าง MAT โรงบ่มเพาะ เมล็ดพันธุ์ (ช่าง) ชั้นดี”

การปั้นบุคลากรเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ยังเป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลต้องให้ ความสำคัญ แต่จะหวังพึ่งภาครัฐเพียงอย่างเดียวคงไม่ทัน ใจบอสใหญ่ ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ แห่งค่ายเอ็มจีซี-เอเชีย ยักษ์ค้าปลีกรถยนต์ในบ้านเรา ที่ปิ๊งไอเดียเปิดสถาบันฝึกอบรมด้านยานยนต์ในการค้าปลีก การขาย และการบริหารผู้แทนจำหน่ายแห่งแรกของประเทศไทยเมื่อ 6 ปีก่อน

“อนุสรณ์ บุตรสุนทร” ในฐานะผู้อำนวยการสถาบันมาสเตอร์ ออโตโมทีฟ เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ หรือ MAT ฉายภาพแผนงานและแนวคิดไว้อย่างน่าสนใจ

Q : ความสำเร็จตลอด 5 ปีที่ผ่านมา

สำหรับ MAT เราเกิดขึ้นจากการจุดประกายของ ดร.สัณหวุฒิที่เล็งเห็นถึงปัญหาที่จะเกิดกับอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะเรื่องการขาดแคลนบุคลากรในหลาย ๆ ด้าน จึงได้ตั้งใจที่จะจัดตั้งสถาบันแห่งนี้ขึ้นมาเพื่อพัฒนาและเสริมสร้างทักษะ ความรู้ด้านการค้าปลีกรถยนต์ ให้สถาบันดังกล่าวเป็นเหมือนโรงบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์คุณภาพที่มีทั้งช่างฝีมือ ทีมบริหารและระดับปฏิบัติการเพื่อรองรับและป้อนให้กับอุตฯยานยนต์ โดยมีหลักสูตรที่หลากหลาย ทันสมัย และตรงกับความต้องการเพื่อให้องค์กรต่าง ๆ นำไปปรับใช้ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติเกี่ยวกับความรู้ด้านเทคนิคยานยนต์ ด้านบริการหลังการขาย การบริหารและการจัดการต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งมีการจับมือกับมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดหลักสูตรมินิเอ็มบีเอสำหรับผู้ประกอบการด้วย

ที่ผ่านมามีผู้ให้ ความสนใจเข้ามาเรียนหลักสูตรต่าง ๆ กับเราเพิ่มขึ้นทุกปี อย่างปีก่อนประมาณ 3,800 รายและปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4,000 ราย โดยในช่วงแรกผู้อบรม 80% จะเป็นพนักงานในกลุ่มเอ็มจีซี วันนี้ผ่านมาขึ้นปีที่ 6 แล้ว มีสัดส่วนคนนอกให้ความไว้วางใจเพิ่มขึ้น เหลือพนักงานในเครือเพียง 10-20% เท่านั้น

Q : เล็งขยายรองรับภูมิภาค

ปัจจุบันมี 3 สาขา ได้แก่ ลาดพร้าว(สำนักงานใหญ่), อุบลราชธานี และล่าสุดคือ ภูเก็ต ที่เราได้เปิดการเรียนการสอน ซึ่งเป็นการขยายออกไปตามนโยบายของบริษัทแม่ที่เรามีการขยายธุรกิจของเอ็มจี ซีไปยังพื้นที่ข้างต้น ตอนนี้เรากำลังเตรียมขยายออกไปยัง จ.สุราษฎ์ธานีอีก 1 แห่ง รวมทั้งเดินหน้าพัฒนาระบบหลังบ้านเพื่อให้มีการเรียนการสอนผ่านวิดีโอคอน เฟอเรนซ์ไปยังสาขาต่าง ๆ สำหรับคอร์สสั้น ๆ หรืออย่างบางหลักสูตรเช่น ช่าง เราก็มีเครื่องไม้เครื่องมือให้ผู้เข้าอบรมได้สัมผัสจริง

Q : ยกระดับอุปกรณ์การเรียนการสอน

ตอน นี้เราลงทุนไปกว่า 70 ล้านบาทแบ่งเป็นส่วนของอาคาร 50 ล้าน และอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ อีก 20 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นงบฯลงทุนต่อเนื่องและแผนงานระยะยาว อย่างล่าสุดโลกรถยนต์ในปัจจุบันนับว่าอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน จากยุคของเครื่องยนต์สันดาปภายในไปสู่ยุคของรถไฟฟ้าในอนาคต ทำให้เกิดเครื่องยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริด MAT ก็เล็งเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีดังกล่าว จึงลงทุนซื้อเครื่องยนต์ไฮบริดครบชุด เพื่อใช้ประกอบหลักสูตรที่มีอยู่หลากหลายตามนโยบายที่เน้นการพัฒนาบุคลากร อย่างต่อเนื่องเช่นกัน

Q : เพิ่มทักษะประสบการณ์ช่างฝีมือ

แน่นอน ที่สุด ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในอุตฯยานยนต์ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างง่าย ๆ ปัญหาเรื่อง “ช่าง” ที่อยู่กับรถยนต์ยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่ง เขาก็มักจะไม่เปลี่ยนข้ามยี่ห้อ และการให้บริการเองก็มีไม่เพียงพอ การพัฒนาช่างรุ่นใหม่ ๆ ขึ้นมาไม่ทันกับจำนวนรถยนต์ที่เข้าใช้บริการหลังการขาย หรือช่างกลุ่มนี้เขาก็จะไม่มาอบรมกับทาง MAT แต่ส่วนใหญ่ช่างที่เขามาอบรมนั้นจะเป็นช่างอิสระ หรือกลุ่มช่างที่อยู่ตามฟาสต์ฟิตที่ต้องการพัฒนาทักษะของตัวเอง ต้องการอัพเลเวล หากจะมองในเครือของเรา วันนี้ถือว่ายังขาดแคลนอยู่ แต่อยู่ในภาวะที่ “พอรับได้” กลุ่มได้มีไการวางแผนงานเพื่อรองรับและมีแนวคิดที่จะพัฒนาบุคลากรอย่างต่อ เนื่อง

Q : สร้างความพึงพอใจลูกค้า

นอกจากขยายสาขา ที่สุราษฎร์ธานีแล้ว อนาคตเรามองว่าอาจจะมีการขยับ มองหาทำเลที่ตั้งใหม่ เพื่อขยายสถาบัน (สำนักงานใหญ่) ออกไปในเฟสที่ 2 ให้มีพื้นที่มากขึ้น โดยมองไปในแถบชานเมือง ซึ่งน่าจะเป็นโครงการระยะยาวใน 3-5 ปีจากนี้ และจะมีการจับมือกับมหาวิทยาลัยเพื่อพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนในเชิง เทคนิคเฉพาะต่าง ๆ ให้เข้มข้นด้วยเช่นเดียวกัน เพราะ MAT เชื่อว่าสิ่งต่าง ๆ ที่เราได้ทำนั้นเป็นพื้นฐานของการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า เมื่อลูกค้าเกิดความพอใจ ท้ายที่สุดเขาก็จะกลับมาซื้อซ้ำอย่างแน่นอน