ห่วงขึ้นดอกเบี้ยกระทบกำลังซื้อ ค่ายรถลุ้นเลือกตั้งหนุนยอดทะลุ 1.1 ล้านคัน

ค่ายรถฟันธงขายรถปีหน้ายังโตต่อเนื่อง อย่างน้อย 5% ขายทะลุ 1.1 ล้านคัน แต่ต้องจับตาปัจจัยลบทั้งอัตราดอกเบี้ย-ราคาสินค้าเกษตร-การเลือกตั้ง จะเป็นแรงส่งให้ตลาดโตต่อเนื่อง ด้านมิตซูบิชิมั่นใจ ลั่นขอขายทะลุแสนคันในรอบ 6 ปี ด้านฮอนด้าชี้การเติบโตตามธรรมชาติในรอบ 6 ปี

เป็นที่แน่นอนแล้วว่ายอดการจำหน่ายรถยนต์ในปีนี้ ผู้บริหารหลายค่ายจะออกมายืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วว่า ช่วงเวลาที่เหลืออีกเพียงแค่ 1 เดือนนั้นเพียงพอที่จะส่งให้ตัวเลขของยอดขายรถยนต์ปีนี้ทะยานขึ้นไปแตะระดับมากกว่า 1 ล้านคันได้อย่างแน่นอน

หลังจากการรายงานตัวเลขยอดขายล่าสุด 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.) พบว่า มียอดขายสะสม 833,515 คัน เพิ่มขึ้น 20.9% แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 323,896 คัน

เพิ่มขึ้น 18.5% รถเพื่อการพาณิชย์ จำนวน 509,619 คัน เพิ่มขึ้น 22.5% ซึ่งเป็นผลจากความต้องการของตลาดรถยนต์ในประเทศเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี จากแรงขับเคลื่อนทั้งจากการบริโภคและการลงทุนของเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงข้อเสนอพิเศษและกิจกรรมส่งเสริมการขายในรูปแบบต่าง ๆ จากค่ายรถยนต์

โดยช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ โดยเฉพาะแรงผลักดันจากการจัดอีเวนต์ใหญ่อย่างงานมหกรรมยานยนต์ หรือมอเตอร์เอ็กซ์โป ที่ค่ายรถยนต์ต่าง ๆ เปิดตัวรุ่นใหม่ และมอบข้อเสนอพิเศษออกสู่ตลาด น่าจะเป็นแรงกระตุ้นสำคัญ ทำให้ยอดขายรถยนต์ปีนี้กระโดดขึ้นไปมากกว่า 1-1.05 ล้านคัน ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์เมื่อช่วงต้นปี ที่มองว่าจะมียอดขายอยู่ 9.5-9.8 แสนคันเท่านั้น

ซึ่งนายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากแนวโน้มของยอดขายรถยนต์โดยรวมปีนี้ ฮอนด้าเชื่อว่าจะมียอดขายขึ้นไปถึงระดับ 1 ล้านคัน และถือเป็นการเติบโตตามธรรมชาติครั้งแรกในรอบ 5-6 ปี หลังจากสิ้นสุดโครงการรถยนต์คันแรก ส่วนปีหน้าเชื่อว่ายอดขายรถยนต์โดยรวมจะโตจากปีนี้อย่างน้อย 5% และมียอดขายใกล้เคียงปีนี้ที่ 128,000 คันและฮอนด้าจะโตไปในทิศทางเดียวกับตลาด แต่ทั้งนี้ ยังต้องจับตาปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุม โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจภายนอกทั้งอัตราค่าเงิน

โดยเฉพาะมาตรการการปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งน่าจะมีผลทำให้เกิดการแข่งขันของบริษัทไฟแนนซ์ค่อนข้างสูง และน่าจะเป็นโอกาสที่ดีของผู้บริโภคในการมองหาแพ็กเกจทางการเงินที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด

เช่นเดียวกับ นายโมริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ที่เชื่อว่ายอดขายรถยนต์ในปีหน้าจะเติบโตขึ้นอย่างน้อย 3-4% อยู่ที่ 1,050,000-1,070,000 คัน จากปีนี้ที่คาดว่าจะปิดยอดขายที่ 1,030,000 คัน ซึ่งเป็นผลมามาจากแรงสนับสนุนของปัจจัยบวกจากการจะมีการเลือกตั้งในปีหน้า น่าจะส่งผลให้ยอดขายรถปิกอัพมีความคึกคัก และส่งผลต่อเศรษฐกิจพื้นฐานโดยรวมให้มีแนวโน้มดีขึ้น รวมถึงราคาพืชผลทางการเกษตรน่าจะปรับตัวไปในทิศทางที่ดี

บวกกับจีดีพีที่ระดับ 4% จะเป็นตัวกระตุ้นให้ยอดขายรถยนต์ปีหน้าเติบโตอย่างแน่นอน และมิตซูบิชิจะเติบโตไปในทิศทางเดียวกับตลาด พร้อมตั้งเป้ายอดขายท้าทายไว้ที่ 100,000 คัน

ในปี 2562 จากปีนี้คาดว่าจะจบที่ 85,000 คันยอดขายรถยนต์ในประเทศเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ ในส่วนของมิตซูบิชิ 10 เดือนขายได้ 68,000 คัน และทั้งปีจะอยู่ที่ 85,000 คัน ปีหน้าจะเป็น 100,000 คัน ส่วนที่เปิดตัวรถปิกอัพไทรทันเมื่อเร็ว ๆ นี้ มียอดจองเข้ามา 4,000 คันแล้ว

ขณะที่แนวโน้มการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนั้น เชื่อว่าจะมีผลในเชิงจิตวิทยาสั้น ๆ เท่านั้น

นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เชื่อว่า ยอดขายรถยนต์ปีหน้าคาดว่าจะทรงตัวเท่าปีนี้ที่เฉลี่ย 1 ล้านคันเนื่องจากยังมีปัจจัยที่กังวล คือ ดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับขึ้น ไม่ว่าจะขึ้นในอัตราเท่าใดก็มีผลต่อการตัดสินใจซื้ออย่างแน่นอน รวมถึงปัจจัยนอกประเทศสงครามการค้าที่จะมีผลกระทบในช่วงปีหน้า

นายวิชิต ว่องวัฒนาการ กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่าฟอร์ดมั่นใจว่า ปีนี้ยอดขายรถยนต์จะเกินกว่า 1.05 ล้านคัน และฟอร์ดจะรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 13% เอาไว้ได้ ส่วนปีหน้าผลจากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้น รวมทั้งจีดีพีของประเทศที่โตเช่นเดียวกัน การลงทุนจากภาครัฐและเอกชน รวมทั้งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัย

หลักที่ขับเคลื่อนให้ยอดขายรถยนต์ไปสู่ 1.1 ล้านคัน หรือโต 5% ได้ไม่ยาก เช่นเดียวกับ นายอันตวน บาร์เตส ประธาน นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) ที่ประเมินว่า ยอดขายรถยนต์ปีหน้า จะขึ้นไปอยู่ระดับ 1.1 ล้านคัน อย่างแน่นอน