“มิตซูบิชิ” เล็งขยายไลน์ประกอบเพิ่ม รองรับความต้องการปีหน้าทั้งตลาดในประเทศและส่งออก ลั่นขายปี 2562 ทะลุ 1 แสนคัน สูงสุดในรอบ 6 ปีจากโครงการรถคันแรก
นายโมริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เร็ว ๆ นี้โรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทยจะขยายกำลังผลิตเพิ่มมากขึ้นให้สอดรับกับความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและส่งออก
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
ทั้งนี้ ปัจจุบันมิตซูบิชิมีกำลังผลิตรถยนต์จาก 3 โรงงานในจังหวัดชลบุรีราว 420,000 คันต่อปี แบ่งเป็นการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของตลาดส่งออก290,000 คัน และการผลิตเพื่อรองรับความต้องการในประเทศอีก 80,000 คัน
“เรายอมรับว่าวันนี้กำลังการผลิตรถยนต์มิตซูบิชิค่อนข้างแน่น โดยเฉพาะไทรทันที่เราเพิ่งเปิดตัวไปนั้นได้การตอบรับค่อนข้างดี และมีกระแสเรียกร้องจากลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นคาดว่าจะมีการปรับไลน์ผลิตหรือลงทุนเพิ่มเติมเครื่องจักรเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตไทรทัน”
นายชกกิกล่าวอีกว่า แผนทำตลาดปีหน้าบริษัทเตรียมผลักดันยอดขายรถยนต์ในประเทศเฉพาะแบรนด์มิตซูบิชิให้มีตัวเลขมากกว่า 100,000 คัน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี หลังสิ้นสุดโครงการรถยนต์คันแรกที่เคยทำได้สูงถึง 140,000 คัน
“ปีหน้าจะเป็นอีกปีที่ท้าทายสำหรับมิตซูบิชิ”
สำหรับยอดขายไทรทันใหม่หลังคลอดออกสู่ตลาดเมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ปรากฏว่าขณะนี้มียอดจองไปแล้วกว่า 4,000 คัน เช่นเดียวกับมิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ซึ่งขณะนี้มียอดจองไปแล้วกว่า 8,000 คัน และคาดว่าจากนี้จะมียอดเพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ซึ่งถือเป็นอีเวนต์ใหญ่ปลายปี ลูกค้าน่าจะมีการจับจ่ายและมองหารถยนต์คันใหม่เพิ่มขึ้น
สำหรับเป้าหมายในปี 2562 บริษัทตั้งเป้าจะมียอดขายภายในประเทศที่ 100,000 คัน หรือมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 10% และตลาดส่งออกอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปีนี้คือ 290,000 คัน และส่งออกชิ้นส่วนเพื่อไปประกอบอีก 60,000 ชุด ส่วนยอดขายโดยรวมคาดว่าจะโตเพิ่มขึ้นจากปีนี้ 3% อยู่ที่ 1.05-1.07 ล้านคัน จากปีนี้คาดว่าจะมียอดขายรวมที่ 85,000 คัน มีส่วนแบ่งทางการตลาด 8% โดยในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมามิตซูบิชิมีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ทำได้ 8.1-8.2%
ส่วนความคืบหน้าโครงการรถยนต์ไฟฟ้าปลั๊ก-อิน ไฮบริด ขณะนี้มิตซูบิชิยังมีเวลาที่ศึกษารายละเอียด และเชื่อว่ารถยนต์ประเภทนี้จะเกิดขึ้นได้นั้นต้องมีระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานรองรับที่ดี
มิตซูบิชิมีรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด หรือ (PHEV) ทำตลาดอยู่แล้ว ดังนั้น การจะต่อยอดโดยมีรถประเภทนี้เป็นพื้นฐาน แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายแต่มิตซูบิชิสามารถทำได้แน่นอน