รถไฟฟ้าบ้านเรา…มาเร็วกว่าที่คิด

ค่ายรถยนต์ฟันธงตรงกัน รถยนต์ยุคใหม่ “รุกคืบ…ก้าวสู่สังคมรถไฟฟ้า” เชื่อมคน เชื่อมเทคโนโลยี เชื่อมสิ่งแวดล้อม เชื่อมบริการพร้อมทุ่มงบฯวิจัยและพัฒนา เร่งให้ความรู้ผู้บริโภค

สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และจักรยานยนต์ไทย (สรยท.) หรือ (Thailand Automotive Journalists Association : TAJA) จัดเสวนาทางวิชาการ หัวข้อ “ชี้แนวร่วมรัฐ เอกชน เปิดยุทธศาสตร์ยานยนต์ใหม่ รุกทันกระแสโลก…?” โดยมีผู้บริหารจากบริษัทรถยนต์ชั้นนำ และองค์กรภาคเอกชนมาร่วมแสดงความคิดเห็นเทรนด์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ว่า เติบโตขึ้นอย่างชัดเจน และมีแนวโน้มที่จะพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ ๆ กันมากขึ้น โดยเฉพาะรถยนต์ในโครงการที่ได้รับการส่งเสริมสนับสนุนจากภาครัฐ ทั้งไฮบริด, ปลั๊ก-อินไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้า

นายกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันค่ายรถยนต์ต่างเดินตามกระแสโลก โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อน ในบ้านเราบีเอ็มฯได้ลงทุนตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าทั่วประเทศ 50 สถานี ซึ่งจะดำเนินการได้ครบถ้วนภายในปีนี้ ผลของการดำเนินยุทธศาสตร์ดังกล่าวส่งผลให้ปีนี้รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ปลั๊ก-อิน ไฮบริด มีอัตราการเติบโตสูงถึง 112%

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปี 2573 จะลดการผลิตรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปให้ได้ 50% และในปี 2593 จะลดเหลือเพียง 90% โดยตั้งเป้าหมายให้การผลิตรถยนต์เป็นรถไฟฟ้าแบบไฮบริด หรือปลั๊ก-อิน ไฮบริด รวมไปทั้ง EV ให้ได้ 95% ของการผลิตรถทั้งหมด

“รถไฟฟ้าของทางมาสด้า ที่จะเกิดขึ้นจะเป็นการนำเครื่องโรตารี่มาใช้ในการสร้างกระแสไฟฟ้ากลับไปสู่แบตเตอรี่ในรูปแบบไฮบริด รวมถึงจะมีการต่อยอดการผลิตให้รองรับก๊าซแอลพีจี” นายธีร์กล่าว

ทางด้านนายองอาจ พงศ์กิจวรสิน นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมีการผลิตอยู่ในอันดับ 12 ของโลก อันดับ 4 ของเอเชีย และเป็นที่ 1 ของอาเซียนและโอเชียเนีย รวมถึงตะวันออกกลาง ซึ่งถือว่าประเทศไทยประสบความสำเร็จอย่างมาก

ปัจจุบันในประเทศไทยยังไม่แพร่หลายมากนัก โดยมียอดขายรถอีวีไม่ถึง 1% แต่อย่างไรก็ตาม ในหลายประเทศได้มีการพัฒนาและมีทิศทางนโยบายการใช้รถอีวีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น ยุโรป คาดว่าปี 2573 จะมีรถที่เป็นไฮบริดหรือปลั๊ก-อิน และอีวีอยู่ที่ 20-30% ส่วนมหาอำนาจอย่างจีนตั้งเป้าว่าในปี 2593 จีนจะใช้รถเป็นรถไฟฟ้าทั้งหมด

ส่วนญี่ปุ่นมีการคาดการณ์ว่า ปี 2593 จะลดก๊าซเรือนกระจก (greenhouse effect) ให้ได้ 80% โดยในอนาคตอันใกล้รถยนต์ 100 คันจะต้องเป็นรถไฟฟ้า 20-30%

ขณะที่นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาด บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “Nissan intelligent mobility : NIM” คือเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อการขับขี่ในอนาคตที่นิสสันพัฒนาขึ้นมาเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุดให้ผู้ขับขี่ ซึ่งจะเป็นการเชื่อมต่อระหว่างระบบนิเวศ ชุมชน และผู้ขับขี่เข้าด้วยกัน นับเป็นกุญแจสำคัญสู่โลกสะอาดและปลอดภัย นับจากนี้ไปนิสสันจะสร้างแบรนด์เพื่อสร้างการรับรู้ด้วยองค์ประกอบดังต่อไปนี้ คือ

– Nissan intelligent power : ความก้าวล้ำของระบบขับเคลื่อน

– Nissan intelligent driving : ความก้าวล้ำของการขับขี่

– Nissan intelligent integration : ความก้าวล้ำของการผสานเทคโนโลยี

“รถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังจะเข้ามาสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ก็เช่นกัน จากข้อมูลของนิสสันระบุว่า มีคนจำนวนมากถึง 40% มีความสนใจที่จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า โดยมีจำนวน 1 ใน 3 ยินดีที่จะจ่ายเงิน

เพิ่มอีก 5% เพื่อที่จะได้เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ต้องยอมรับว่าอนาคตยานยนต์ปฏิเสธไม่ได้ในสิ่งที่กำลังจะมาถึง”

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat
.
หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!