“สแกนเนีย” ชิงพื้นที่รถญี่ปุ่น เข็น “โซลูชั่น” ใหม่มัดลูกค้า

หลังเข้ามานั่งตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ค่ายรถบรรทุก “สแกนเนีย” จากแดนสวีดิช…ถือว่าสร้างผลงานได้เข้าตา แถมยังพาสแกนเนียไทยครองแชมป์ขายรถบรรทุกแบรนด์ยุโรปสูงสุด 2 ปีซ้อน “ประชาชาติธุรกิจ” จับเข่าคุยกับ “สเตฟาน ดอร์สกี” กรรมการผู้จัดการ บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด ผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรงที่กำลังจะใช้ความได้เปรียบของโรงงานประกอบรถบรรทุกแห่งใหม่ ช่วงชิงพื้นที่ทางการตลาดแบรนด์รถบรรทุกญี่ปุ่น

แชมป์รถบรรทุกยุโรป 2 ปีซ้อน

2-3 ปีมาแล้วที่เราเป็นแชมป์ขายรถบรรทุกในกลุ่มของแบรนด์ยุโรป เราทำได้อย่างต่อเนื่อง และยังคงถือเป็นความท้าทายที่จะยังคงอยู่กับสแกนเนียต่อไป

หากจะดูตัวเลขยอดขายย้อนหลัง 3 ปีที่ผ่านมา เรามีการเติบโตที่ดี โดยในปี 2560 มียอดขาย 466 คัน ปี 2561 ที่ผ่านมา เรามียอดขาย 506 คัน จากตลาดในกลุ่มแบรนด์ยุโรปที่ 8,000 คัน ขณะที่

ตลาดรวมทั้งหมด 17,300 คัน ปีนี้สแกนเนียตั้งเป้าจะต้องเติบโตเพิ่มขึ้น โดยมียอดขายรถบรรทุก-หัวลากไม่น้อยกว่า 700 คัน รถบัส 100 คัน ส่วนตลาดโดยรวมคาดว่าขายที่ระดับใกล้เคียงปีก่อนและภายในปี 2563 สแกนเนียตั้งเป้าจะมียอดขายขึ้นไปแตะระดับ 1,000 คันให้ได้ เรามั่นใจว่านอกจากรักษาฐานลูกค้าเดิมแล้ว สิ่งที่ได้เพิ่มเติมในปีนี้ คือ ฐานลูกค้าของกลุ่มรถญี่ปุ่นที่จะหันมาหาสแกนเนีย

ความคืบหน้าโรงงานใหม่ตอนนี้ทุกอย่างใกล้สมบูรณ์ เราจะเปิดโรงงานอย่างเป็นทางการ พร้อมรถรุ่นใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากบริษัทได้ลงทุนไปมูลค่ากว่า 800 ล้านบาท

โรงงานที่นี้จะผลิตรถบรรทุกเพื่อรองรับความต้องการของตลาดในประเทศไทยก่อน ส่วนตลาดส่งออกนั้นยังต้องใช้เวลาในการศึกษารายละเอียด และเตรียมความพร้อมอีกระยะในสเต็ปต่อไป

มีโซลูชั่นมัดใจลูกค้า

สิ่งที่เราพยายามทำมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา คือ การเดินหน้าสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าผ่าน “โซลูชั่น” ที่สมบูรณ์แบบ ทั้งสินค้า (รถบรรทุก-หัวลาก) ที่โดดเด่น คุณภาพสูงแล้ว เรายังมีบริการหลังการขายที่เข้าไปช่วยลูกค้าดูแลวางแผนธุรกิจ สามารถควบคุมต้นทุนทั้งหมดของผู้ประกอบการได้ ด้วยการนำระบบเข้าไปวิเคราะห์ ดูตั้งแต่ความประหยัดน้ำมัน ความปลอดภัย มีไดรเวอร์เทรนนิ่งเข้าไปช่วย สอนพนักงานขับรถของลูกค้า

มีทีมดูแลเรื่องการบำรุงรักษาที่ยืดหยุ่น จากเดิมที่รถต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 45,000 กิโลเมตร เราก็มีการตั้งทีมงานมอเตอร์รถแต่ละคันของลูกค้าว่ามีการใช้งานในรูปแบบใด ระยะเวลาที่ต้องเข้าศูนย์บริการควรเป็นเมื่อใด บางรายมีการเข้าศูนย์ที่ 65,000 กิโลเมตร เรียกว่าทำทุกอย่างเพื่อให้รถที่ลูกค้าซื้อไปใช้งานสามารถวิ่งได้ตลอดโดยไม่หยุด เพราะนั่นหมายถึงกำไรและรายได้ของผู้ประกอบการ รวมทั้งมีไฟแนนซ์จากสแกนเนีย สยาม ลีสซิ่ง เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า ซึ่งมีระบบตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าแผนขยายเครือข่าย

ตอนนี้เรามี 10 โชว์รูม และศูนย์บริการที่เราลงทุนเอง และเป็นไพรเวตดีลเลอร์ 1 แห่ง ที่นครพนม ส่วนอนาคตหากมีผู้สนใจจะเข้ามาร่วมธุรกิจกับสแกนเนีย เราก็พร้อมเปิดรับทุกโอกาส…