โตโยต้าจัดบิ๊กอีเวนต์ชิงธงผู้นำไฮบริด

โตโยต้าŽ ชูธงผู้นำปลั๊ก-อิน ไฮบริด, ไฮบริดและอีวี ยึดสยามพารากอนจัด เอ็กซ์โปŽ สมการแห่งอนาคต ปูพรมความรู้ปลูกฝังรักษ์โลก ตอบโจทย์ สมคิดŽ ปั้นไทยฮับไฮบริดและคอมแพ็กต์คาร์ ลุยโรดโชว์อีเวนต์เทคโนโลยีทั่วประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แผนรุกตลาดของค่ายโตโยต้าตั้งแต่ครึ่งปีหลัง 2560 เป็นต้นไป จะให้ความสำคัญกับการชูธงเป็นผู้นำในกลุ่มรถยนต์ไฮบริด ปลั๊ก-อินไฮบริด และอีวี อย่างเต็มตัว เพื่อแสดงให้เห็นถึงความพร้อมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยระหว่างวันที่ 3-13 สิงหาคมนี้ ที่รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั่น 5 สยามพารากอน โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จะจัดอีเวนต์ใหญ่ โตโยต้า เอ็กซ์โปŽ ภายใต้คอนเซ็ปต์ สมการแห่งอนาคตŽ เชิญชวนคนไทยร่วมสัมผัสเทคโนโลยีแห่งอนาคตกับครั้งแรกที่รวบรวมนวัตกรรมสุดล้ำและหลากหลายเรื่องราวที่โตโยต้าพยายามขับเคลื่อนความสุขเคียงคู่สังคมไทยมาตลอด ซึ่งตอนนี้เริ่มประชาสัมพันธ์แล้ว พร้อมยิงทีเซอร์หนังโฆษณาผ่านทีวีหลายช่อง

อีเวนต์ครั้งนี้นอกจากต้องการฉายภาพผลกระทบอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีต่อโลก พร้อมทั้งปลูกฝังให้เยาวชนและคนไทยทั้งประเทศสำนึกในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ปูพรมให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีรถยนต์ลูกผสม (ไฮบริด)รถยนต์ลูกผสมเสียบปลั๊กชาร์จไฟ (ปลั๊ก-อิน ไฮบริด) และรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี)

โดยให้ผู้เข้าชมงานได้ร่วมค้นหาคำตอบ สมการแห่งอนาคตŽ ที่พร้อมตอบทุกโจทย์ของชีวิต ไม่ว่าจะเป็น 1.อนาคตจะเป็นอย่างไรเมื่อเศรษฐกิจ+X =? 2.อนาคตจะเป็นอย่างไรเมื่อโรงงาน+X =? และ 3.อนาคตจะเป็นอย่างไรเมื่อรถยนต์+X =? ซึ่งคำตอบมีอยู่ในงานนี้ทั้งสิ้น

ตอบโจทย์ดันไทย ฮับไฮบริดŽ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกมรุกตลาดเพื่อรับเทรนด์กระแสโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมุ่งสู่รถยนต์ที่มีพลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนร่วมอยู่ด้วยนั้น ค่ายโตโยต้าทำงานร่วมกับรัฐบาลไทยในทีมรองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มาอย่างต่อเนื่อง ปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น นายชินยะ โคเทระ ได้เข้าพบรัฐบาลไทยและยืนยันว่าจะใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตคอมแพ็กต์คาร์เพื่อส่งออกทั่วโลก รวมถึงใช้ไทยเป็นอาร์แอนด์ดีเซ็นเตอร์เพื่อรองรับตลาดในภูมิภาคนี้ พร้อมระบุถึงแผนและทิศทางการผลิตของโตโยต้านับจากนี้ โดยจะโฟกัสไปที่การผลิตรถยนต์กลุ่มคอมแพ็กต์คาร์มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามยังมีการผลิตรถปิกอัพ รถยนต์นั่ง อีโคคาร์เช่นเดิม แต่จะมีการขยายและแนะนำรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริดรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นการลงทุนเพิ่มเติมในปีนี้ด้วย

และยืนยันว่าจะมีการลงทุนมากกว่าทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลไทยมีแพ็กเกจส่งเสริมการลงทุนรองรับทั้งตัวรถยนต์และชิ้นส่วนตั้งแต่ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี ทั้งแบตเตอรี่, ระบบขับเคลื่อน, ระบบปรับอากาศด้วยไฟฟ้า, ระบบควบคุมการขับขี่ รวมถึง On-Board Charger ฯลฯ ด้วยการลดอากรขาเข้าเครื่องจักรลดหย่อนอากรขาเข้าวัตถุดิบและวัสดุจำเป็น

นอกจากนี้ยังมีแพ็กเกจภาษีสรรพสามิต สนับสนุนทั้งรถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (Pick-up Passenger Vehicle) หรือพีพีวี ซึ่งมีเครื่องยนต์ไม่เกิน 3,250 ซีซี และเป็นรถยนต์แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้าหรือไฮบริด และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกิน 175 กรัมต่อกิโลเมตร ได้รับการลดอัตราภาษีสรรพสามิตลงเหลือ 23% จากเดิม 25% รวมทั้งรถปิกอัพดับเบิลแค็บเครื่องยนต์ไม่เกิน 3,250 ซีซี และเป็นไฮบริดปล่อยซีโอทูไม่เกิน 175 กรัมต่อกิโลเมตร เสียภาษีแค่ 10% จากเดิม 12% เพื่อสนับสนุนให้ค่ายรถยนต์ทุ่มเทกับการทำตลาดรถไฮบริดให้มากขึ้น

10 ล้านคนตอบรับไฮบริด

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า โตโยต้ายักษ์ใหญ่ค่ายรถยนต์วางแผนเข้าสู่ตลาดไฮบริดในประเทศมาตั้งแต่ปี 2553 โดยได้รับคัดเลือกให้เป็นประเทศแรกในโลกที่ได้ผลิตรถไฮบริดนอกประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โตโยต้ายังได้ร่วมมือกับไดฮัทสุเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับรถยนต์นั่งขนาดเล็กและอื่น ๆ ผ่านทางโตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิค เอ็นจิเนียริง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง หรือ (TMAP-EM)ซึ่งตอนหลังเปลี่ยนชื่อเป็น โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง TDEM

สำหรับเทคโนโลยีพลังงานทางเลือกของโตโยต้าได้รับการตอบรับจากลูกค้าดีมาก โตโยต้าสามารถขายรถยนต์ไฮบริดไปแล้วกว่า 10.05 ล้านคันทั่วโลกและตั้งเป้าขายรถยนต์ไฮบริดต่อจากนี้ปีละ 1.5 ล้านคัน ซึ่งประเมินว่าภายในปี 2563 รถยนต์ไฮบริดทั่วโลกของโตโยต้าจะมียอดขายสูงถึง 15 ล้านคัน ขณะที่โตโยต้า มิไร รถยนต์พลังงานเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน (Hydrogen Fuel Cell Vehicle-FCV) ที่ขายอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2558 นั้น ถึงตอนนี้มียอดขายไปแล้วกว่า 3,000 คัน และมียอดจองล่วงหน้าถึง 3 ปี

โตโยต้าเอ็กซ์โปแบ่ง 4 โซน

แหล่งข่าวฝ่ายงานอีเวนต์ สยามพารากอน เปิดเผยว่า งานโตโยต้า เอ็กซ์โป ระหว่างวันที่ 3-13 สิงหาคมนี้ จะแบ่งออกเป็น 4 โซนหลัก ๆ ได้ แก่ โซนประวัติการดำเนินธุรกิจของโตโยต้าที่เคียงคู่สังคมไทยมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ภายใต้หลักการดำเนินงานที่เป็นรากฐานทางธุรกิจและการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม โซนที่ 2 จัดแสดงนวัตกรรมยานยนต์ของโตโยต้าเทคโนโลยีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในแต่ละยุคสมัย รวมถึงเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมการนำเสนอระบบการเดินทางที่จะตอบรับการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต

โซนที่ 3 และ 4 เป็นโซนเกี่ยวกับสินค้า ผลิตภัณฑ์ของโตโยต้า โดยผู้เข้าชมจะสนุกสนานไปกับ Interactive Wall นำเสนอข้อมูลด้วยระบบสัมผัส พร้อมด้วยการจำลองโชว์รูมในอนาคตที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์พร้อมอธิบายสมรรถนะ ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำรวมถึงการบริการแบบครบครัน เหนือความคาดหมาย นอกจากนี้ โตโยต้ายังได้จัดนิทรรศการเพื่อเทิดพระเกียรติ ชื่นชมพระบารมีพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 รวมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ด้วย

ครั้งนี้ถือเป็นเอ็กซิบิชั่นใหญ่ของโตโยต้าในประเทศไทยเพื่อฉลองเนื่องในโอกาสที่โตโยต้าเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเป็นระยะเวลาถึง 55 ปีเต็ม เพื่อแสดงให้เห็นถึงอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของโตโยต้า ที่จะก้าวเดินไปในอนาคตสำหรับประเทศไทย และของโลกด้วย โดยเตรียมนำรถแห่งโลกนวัตกรรมมาโชว์ในงานนี้ด้วยŽ

โรดโชว์ไฮบริดทั่วประเทศ


ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นอกจากนี้ โตโยต้ายังมีแผนจัดอีเวนต์กระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ อาทิ เซ็นทรัล ขอนแก่น ระหว่างวันที่ 2-10 กันยายน เซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต วันที่ 14-21 กันยายน และเซ็นทรัล เฟสติวัล หาดใหญ่ วันที่ 30 กันยายน-8 ตุลาคม เพื่อตอกย้ำให้ประชาชนทั่วประเทศตระหนักถึงการใช้พลังงานอย่างประหยัด และเหตุผลที่ควรเลือกใช้รถยนต์ประหยัดพลังงาน ซึ่งแต่ละอีเวนต์จะมีแคมเปญการขายสนับสนุนกระตุ้นกำลังซื้อหลังจากที่ครึ่งปี 2560 โตโยต้ากวาดยอดขายมาแล้วเฉียด 1 แสนคันจากยอดขายรถยนต์รวมทั้งประเทศ 3.4 แสนคัน