ลุยผุดศูนย์ทดสอบแบตเตอรี่ สถาบันยานยนต์ตอบเทรนด์ค่ายรถบุกอีวี

สถาบันยานยนต์จับมือ ทูฟ ซูด ผุดศูนย์ทดสอบคุณภาพแบตเตอรี่ ยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เข้าสู่ยุค “ยานยนต์สมัยใหม่” เต็มรูปแบบด้าน ส.ยานยนต์เผยสเต็ปต่อไป เน้นพัฒนามอเตอร์ ซอฟต์แวร์ ก่อนไปต่อระบบอัตโนมัติ

นายอดิศักดิ์ โรหิตุน กรรมการสถาบันยานยนต์ ผู้ทำการเเทนผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ เปิดเผยภายหลังการลงนามข้อตกลงการทำงานร่วมกันระหว่างสถาบันยานยนต์ และบริษัททูฟ ซูด (ประเทศไทย) จำกัด ในการทดสอบและให้การรับรองมาตรฐานแบตเตอรี่ขึ้น หลังจากได้มีการลงทุนมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างศูนย์ทดสอบแบตเตอรี่ตามมาตรฐานสากลแห่งแรกของอาเซียน บนพื้นที่ขนาด 3,000 ตร.ม. ในพื้นที่ของศูนย์ทดสอบคุณภาพยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ จ.ฉะเชิงเทรา

หลังจากก่อนหน้านี้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้อนุมัติการส่งเสริมการลงทุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ จำนวน 8 ค่ายชั้นนำซึ่งเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศให้ก้าวหน้า และสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยียานยนต์โลกโดยการตรวจสอบแบตเตอรี่ของศูนย์ทดสอบมีจุดประสงค์หนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า, รองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ในภูมิภาค, รองรับการทดสอบแบตเตอรี่ตามมาตรฐานความปลอดภัยสากล, คุ้มครองความปลอดภัยผู้บริโภคจากสินค้าด้อยคุณภาพ, เป็นศูนย์กลางการทดสอบ วิจัย และพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ในภูมิภาค พัฒนาบุคลากรด้านยานยนต์ไฟฟ้าในทุกภาคส่วนทั้งภาคอุตสาหกรรม และภาคการศึกษาเบื้องต้น คาดว่าศูนย์จะสามารถเปิดให้บริการในปี 2563 และจะสามารถเปิดบริการอย่างเต็มรูปแบบได้ราวปลายปี 2563 หรือต้นปี 2564 รักษาการผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ยังเปิดเผยต่อไปว่า ขณะนี้ สมอ.และสถาบันยานยนต์อยู่ระหว่างการดำเนินการ เพื่อศึกษารายละเอียดและวางกรอบสำหรับมาตรฐานการตรวจสอบคุณภาพแบตเตอรี่ ให้ได้ตามมาตรฐาน R100 ขณะนี้ทางสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดและวางกรอบกำหนดมาตรฐานตรงนี้ ด้านนายโวคเกอร์ แบลนดอร์ หัวหน้าฝ่ายระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ บริษัท ทูฟ ซูด จำกัด กล่าวว่า หลังจากความร่วมมือครั้งนี้เชื่อว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และประเทศไทย จะกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีบทบาท และศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ และเทรนด์ของการแข่งขันในธุรกิจการพัฒนายานยนต์สมัยใหม่ รถอีวีนี้จะมีการแข่งขันเพิ่มขึ้นทั้งจากกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์รายเดิม และกลุ่มผู้ผลิตรายใหม่

ดังนั้น การที่ประเทศไทยได้มีการวางแผนเพื่อเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือเรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องโดยทูฟ ซูด สามารถเข้ามาช่วยสนับสนุนและรองรับกับการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

สำหรับบริษัท ทูฟ ซูด ถือเป็นผู้ให้บริการการทดสอบ การตรวจสอบ และการให้การรับรองมาตรฐาน (testing, inspection, certification) ระดับโลก มีสาขามากกว่า 1,000 แห่งทั่วโลก อีกทั้งยังมีประสบการณ์ด้านยานยนต์ ด้านโครงสร้างพื้นฐานและแนวคิดด้านพลังงานทดแทน และความเชี่ยวชาญในการพัฒนาและทดสอบเทคโนโลยี e-Mobility บริษัทมีห้องปฏิบัติการทดสอบแบตเตอรี่ที่เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายการทดสอบแบตเตอรี่ของทูฟ ซูด เอจี ประกอบด้วย ห้องปฏิบัติการทดสอบแบตเตอรี่ รวม 9 แห่ง ในประเทศจีน ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี แคนาดา และสหรัฐอเมริกา

นายฉัตรวิทัย ตันตราภรณ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทูฟ ซูด (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ทั้งนี้ ได้แบ่งการลงทุนออกเป็น 2 เฟส โดยแบ่งเป็นเฟสแรก จะลงทุนเพื่อให้สามารถรองรับ

การตรวจสอบคุณภาพแบตเตอรี่ได้ 50 ตัวอย่าง ต่อ 1 กะต่อปี และยังสามารถเพิ่มการตรวจสอบได้เป็น 2 กะต่อปี หรือสามารถตรวจสอบแบตเตอรี่ได้ 100 ตัวอย่างต่อปีด้วย โดยอนาคตหากศูนย์ดังกล่าวได้รับความนิยม สถาบันและทูฟ ซูด พร้อมจะขยายกำลังการตรวจสอบในเฟสที่ 2 ได้แต่เบื้องต้นคาดว่าการลงทุนสำหรับเฟสแรกจะสามารถรองรับและให้บริการได้อย่างเพียงพอ

“ตอนนี้เราอยู่ในระดับของการตรวจสอบที่ค่อนข้างพอเพียง คือ 50 ไทรด์ของแบบเตอรี่ ซึ่งอนาคตเราก็มีพื้นที่สำหรับการขยายประสิทธิภาพในการตรวจสอบ และเชื่อว่าศูนย์ดังกล่าวจะช่วยลดขั้นตอน ระยะเวลาในการตรวจสอบของผู้ประกอบการได้ โดยไม่ต้องส่งไปตรวจสอบยังต่างประเทศ ซึ่งขั้นตอนการตรวจสอบของศูนย์แห่งนี้จะใช้ระยะเวลาเพียง 1 เดือนโดยประมาณ”

สำหรับมาตรฐานในการตรวจสอบแบตเตอรี่ R100 นั้น มีรายละเอียดขั้นตอนตรวจสอบประสิทธิภาพ คุณภาพ ตามมาตรฐานถึง 9 ขั้นตอน และหวังว่าศูนย์ทดสอบแห่งนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศ และเป็นหนึ่งในศูนย์การทดสอบแบตเตอรี่ชั้นนำระดับโลก เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนสู่อนาคตต่อไป