นายศุภกร ประทีปะเสน ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารธุรกิจ ออโต้วัน บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ ผู้ประกอบการศูนย์บริการรถยนต์หลังหมดอายุรับประกันครบวงจร (ฟาสต์ฟิต) แบรนด์ออโต้วัน เปิดเผย
“ประชาชาติธุรกิจ” ถึงแผนธุรกิจของศูนย์ออโต้วันว่า บริษัทตั้งเป้าหมายในระยะสั้น 3 ปีจากนี้ บริษัทจะเปิดสาขาอย่างน้อย 40 แห่ง กระจายทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งหากการ
ดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมาย เชื่อว่าจะส่งผลให้ ออโต้วัน ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของธุรกิจฟาสต์ฟิต ทั้งในแง่ของยอดขายและจำนวนสาขา ได้ไม่ยากปีนี้บริษัทจะเปิดศูนย์ใหม่อย่างน้อย 10-15 สาขา โดยเป็นการลงทุนจากบริษัทเอง เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนอย่างน้อย สาขาละ 8-12 ล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่าเบื้องต้นที่ 120 ล้านบาท โดยการขยายเพิ่มสาขานั้น บริษัทจะเริ่มมองทำเลออกไปนอกพื้นที่ของสาขาไทวัสดุมากขึ้น หลังจากเมื่อปลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัวสาขาโดยมุ่งเน้นขยายในพื้นที่ของไทวัสดุเป็นหลัก
โดยล่าสุดบริษัทเพิ่งเปิดสาขาบางนา ซึ่งเป็นสาขาสำนักงานใหญ่ สาขาต้นแบบ (แฟลกชิปสโตร์) และศูนย์ฝึกอบรมบุคลากร เพื่อให้เป็นศูนย์เทรนนิ่งเซ็นเตอร์พนักงาน และให้บริการกับลูกค้าทั่วไป โดยเบื้องต้นใช้งบประมาณกับสาขานี้ไป 15 ล้านบาทเบื้องต้นรูปแบบของศูนย์ออโต้วัน มี 2 รูปแบบหลัก ๆ คือ ศูนย์บริการขนาด 4 เบย์ จะต้องลงทุนมูลค่า 8-10 ล้านบาทสามารถรองรับรถเข้าใช้บริการได้ 50-60 คันต่อวัน และศูนย์บริการขนาด 6 เบย์ ลงทุนขั้นต่ำ 12 ล้านบาทสามารถรองรับรถเข้าใช้บริการได้ 100 คันต่อวัน
“เดิมหลายคนอาจจะมองว่าธุรกิจนี้อาจจะมีปัญหาเรื่องการป้อนคนเข้าสู่อุตสาหกรรม แต่สำหรับเราได้มีการเตรียมความพร้อมตรงนี้มาค่อนข้างดีพอสมควรในการผลิตบุคลากรเพื่อป้อนให้ทันกับจำนวนสาขาที่เราเปิด อย่างปีนี้เราจะเปิดเฉลี่ยเดือนละ 1 สาขา”
นายศุภกรยังกล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องจากจุดแข็งของบริษัทซึ่งอยู่ในเครือเซ็นทรัล กรุ๊ป มีความแข็งแรงและเชี่ยวชาญในด้านธุรกิจรีเทล ยิ่งทำให้เชื่อมั่นว่าการเข้ามาในธุรกิจฟาสต์ฟิตครั้งนี้ จึงไม่ใช่เรื่องยากในการแข่งขัน ประกอบกับฐานลูกค้าบัตรสมาชิก เดอะวัน ที่มีมากกว่า 14-15 ล้านคน น่าจะเป็นจุดแข็งที่นำมาใช้ต่อยอดได้
นโยบายของบริษัท คือ การนำความเป็นรีเทลเข้ามาใช้กับสินค้าที่จำหน่ายในศูนย์ออโต้วัน เพื่อเพิ่มความหลากหลายและความน่าสนใจให้กับลูกค้า ด้วยการจัดแสดงสินค้า พร้อมทั้งราคาจำหน่ายอย่างชัดเจน พร้อมด้วยทีมงานที่มีความรู้คอยให้บริการ
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมเพิ่มช่องทางการจำหน่าย โดยมองไปที่ตลาดออนไลน์ ซึ่งคาดว่าภายในระยะเวลา 1 ปี จากนี้น่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้อย่างเต็มรูปแบบ จากปัจจุบันที่ยังติดขัดปัญหาเรื่องของจำนวนสาขาที่ยังน้อยอยู่ โดยลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้า และจองคิวเข้ารับบริการทางออนไลน์ไปยังสาขาที่ตนเองสะดวกได้ รวมทั้งการเพิ่มช่องทาง
บริการด้วยรถโมบายเซอร์วิส เข้าให้บริการลูกค้ายังพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันเราทดลองทำอยู่ เป็นการให้บริการช่วยเหลือลูกค้าในรัศมี 5 กิโลเมตรจากศูนย์ ตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น.
นอกจากนี้ บริษัทยังเปิดโอกาสทางธุรกิจ หลังจากช่วงที่ผ่านมามีผู้ประกอบธุรกิจฟาสต์ฟิต ทั้งร้านค้าทั่วไปและของค่ายยางรถยนต์ได้เข้ามาเจรจา เพื่อร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับออโต้วันเป็นจำนวนมาก และจากนี้ไปจะเห็นออโต้วันขยายสาขาออกไปยังห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ในเครือเซ็นทรัล, โรบินสัน และพื้นที่สแตนด์อะโลนเพิ่มมากขึ้นด้วย
ปัจจุบันตลาดฟาสต์ฟิตในประเทศไทยมีมูลค่าอยู่ที่ราว 30,000 ล้านบาท และมีอัตราเติบโตอยู่ที่ราว 5% ต่อปี โดยสัดส่วนตลาดแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ อู่ซ่อมรถยนต์และร้านยาง (เทรดิชั่นนอลเทรด) อยู่ที่ 70% ของตลาด และศูนย์บริการรถยนต์สมัยใหม่ (โมเดิร์นเทรด) อยู่ที่ 30% ของตลาด
ทั้งนี้ จากแนวโน้มและพฤติกรรมการใช้ของลูกค้า เชื่อว่าภายใน 5 ปีจากนี้สัดส่วนตลาดจะกลับกันเป็นโมเดิร์นเทรด70% และเทรดิชั่นนอลเทรด 30% โดยทิศทางของตลาดนั้นเริ่มมีแนวโน้มปรับเปลี่ยนสู่โมเดิร์นเทรดในอัตรา 5-7% ต่อปี ตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในการต้องการความเชื่อมั่นในการรับบริการและการรับประกันรวมถึงโปรโมชั่นต่าง ๆ
ขณะที่เป้าหมายของออโต้วันนั้น ได้แบ่งสัดส่วนการจำหน่ายหลักมาจากยางรถยนต์ 70%, น้ำมันหล่อลื่น 20% และแบตเตอรี่ 10% โดยบริษัทยังวางแผนการใช้งบประมาณทางการตลาดมูลค่ามากกว่า 50 ล้านบาทต่อปี ต่อเนื่องใน 3 ปีจากนี้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้