ธวัชชัย จึงสงวนพรสุข กลุ่มพระนครพร้อมเปิดรับทุกโอกาส

ถือเป็นผู้บริหารที่หาตัวจับได้ยากสำหรับ เสี่ยตี๋เล็ก “ธวัชชัย จึงสงวนพรสุข” กรรมการผู้จัดการ บริษัท พระนคร เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด กลุ่มทุนที่มีความเชี่ยวชาญทั้งภาคการผลิตและการจัดจำหน่าย รวมไปถึงภาคส่วนของการให้บริการ เรียกว่าครอบคลุมครบวงจรในอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ให้บริการมาอย่างยาวนานกว่า 58 ปี

ล่าสุดกลุ่มพระนครเพิ่งจัดงานใหญ่ ประกาศทุ่มทุนถึง 1,500 ล้านบาท ผนึกความแข็งแกร่งกับมาสด้า เซลส์ ไทยแลนด์ ผุดโชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์มาสด้า 4 แห่ง แน่นอนว่างานนี้

“ประชาชาติธุรกิจ” ไม่พลาดที่จะอัพเดตความเคลื่อนไหวของกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่กลุ่มนี้ โดยเฉพาะหลังจากปิดดีลนี้จะส่งผลให้กลุ่มพระนครมียอดขายรถยนต์ทั้ง 8 ยี่ห้อรวมกันทะลุ 2 หมื่นคัน ในปีนี้อย่างแน่นอน จะเป็นอย่างไรไปติดตามกัน

ดีลใหญ่กับมาสด้า

สำหรับมาสด้าเป็นแบรนด์ล่าสุดที่กลุ่มพระนครเราได้เข้าไปเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ซึ่งเราได้จับมือกับมาสด้า ไทยแลนด์ เพื่อเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกัน โดยปีนี้เราได้ลงทุนมูลค่า 1,500 ล้านบาท สำหรับการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ “มาสด้า” ซึ่งล่าสุดเราเพิ่งเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการสาขาแรกบนถนนเกษตร-นวมินทร์ และจากนี้ไปจะมีเปิดอีก 3 สาขา ได้แก่ อุดมสุข ในเดือนมีนาคม, รัชโยธิน ในเดือนพฤษภาคม และรัตนาธิเบศร์ ในเดือนพฤศจิกายน

ซึ่งเรามีความตั้งใจอย่างยิ่ง เห็นได้จากทำเลที่ตั้งของโชว์รูมเรา ตั้งอยู่บนเส้นทางสายหลักทั้ง 4 สายเศรษฐกิจสำคัญของกรุงเทพฯ เรียกว่าเป็น best location for business ก็ว่าได้ ซึ่งปีนี้เราตั้งเป้าจะขายรถยนต์มาสด้าให้ได้ 2,000 คันเป็นอย่างน้อย

แผนขยายธุรกิจในเครือ

ปัจจุบันกลุ่มพระนครเราเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์อยู่ 8 ยี่ห้อ ได้แก่ เชฟโรเลต 7 โชว์รูม, อีซูซุ 13 แห่ง, ฮอนด้า 5 แห่ง, ฟอร์ด 1 แห่ง, โปรตอน 3 แห่ง เฟียตและอัลฟ่า 1 แห่ง และล่าสุดกับมาสด้า ซึ่งตามแผนงานปีนี้จะมี 4 แห่งจากแผนงานของบริษัทในส่วนของการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์แบรนด์ต่าง ๆ ออกไปนั้น บริษัทจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดูทำเลที่ตั้ง โลเกชั่น ยุทธศาสตร์เป็นสำคัญก่อน ซึ่งแน่นอนว่าหากโอกาสมา ทำเลพร้อม เราก็พร้อมจะเปิดรับทุกโอกาส

เป้าหมายในปีนี้

สำหรับปีที่ผ่านมาในแง่ของเป้าหมายของกลุ่มนั้น เรามีรายได้ 16,000-17,000 ล้านในปีที่แล้วส่วนปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 3,000 ล้านบาท เป็นกว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งรายได้หลัก ๆ ที่ทำให้เราเติบโต สำหรับปีนี้ก็น่าจะมีจากส่วนของแบรนด์มาสด้าที่เราเพิ่งมีการลงทุนไป และก็จะทยอยสร้างรายได้ทั้งส่วนของการขายรถใหม่ และการให้บริการหลังการขายหรือในแง่ของยอดขาย เรามั่นใจว่าทั้งกลุ่มเราจะมียอดขายรถยนต์ทั้งหมด 8 ยี่ห้อ รวมกันไม่น้อยกว่า 20,000 คันได้อย่างไม่ยาก

นโยบายที่โฟกัสในปีนี้

วันนี้กลุ่มพระนครเรายังยืนยัน สิ่งที่เราทำมาต่อเนื่องตลอด 58 ปี และเรายังยืนยันที่จะทำต่อไป คือ เราโฟกัสธุรกิจที่เราชำนาญ และเราก็จะมีการขยายธุรกิจไปในสิ่งที่เราถนัด คือ ในอุตสาหกรรมยานยนต์

แน่นอนว่าจากนี้ไปจะได้เห็นกลุ่มพระนคร ในการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์เพิ่มมากขึ้น ในส่วนของแบรนด์รถยนต์ที่เราเป็นตัวแทนจำหน่ายอยู่ทั้ง 8 ยี่ห้อหรืออาจจะมีการขยายไปยังแบรนด์อื่น ๆ ก็ยังมีความเป็นไปได้ สิ่งสำคัญของแผนการขยาย คือ กลุ่มพระนครจะมุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับยุทธศาสตร์ ทำเลที่ตั้งของโชว์รูม และศูนย์บริการเป็นสำคัญ

ยังมีแบรนด์อื่น

แน่นอน ปีนี้เราลงทุนขยายโชว์รูมกับมาสด้า มูลค่า 1,500 ล้านบาท กับ 4 โชว์รูมไปแล้วในปีนี้กลุ่มพระนครยังมีแผนจะเพิ่มโชว์รูมอีก 2 แห่ง แต่เรายังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเป็นยี่ห้ออะไร

ความชัดเจนของ “โปรตอน”

ในส่วนของโปรตอนนั้นตอนนี้อยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน หลังจากกลุ่มจิลลี่จากจีนเข้าไปถือหุ้น เราก็ยังคงต้องรอดูความชัดเจนจากนี้ ซึ่งคาดว่าไม่เกิน 1 ปี น่าจะได้เห็นความชัดเจนและความเคลื่อนไหวออกมา

เช่นเดียวกับรถยี่ห้ออัลฟ่า และเฟียตซึ่งเป็นรถยนต์นำเข้า แต่ขณะนี้กลุ่มพระนครเราก็ยังคงให้บริการอยู่ในเรื่องของการเซอร์วิส บริการหลังการขาย

การแข่งขันในปัจจุบัน

การแข่งขันในธุรกิจรีเทลรถยนต์นั้นถือว่ามีการแข่งขันค่อนข้างสูงมาอย่างต่อเนื่อง จะเห็นว่าผู้ประกอบการที่ “ปรับตัว” นั้นจะสามารถอยู่ได้ อยู่รอด ส่วนคนที่ปรับตัวไม่ได้ จะค่อย ๆ เฟดหายออกไปจากธุรกิจนี้

อย่างตอนนี้บทบาทการขายของตัวแทนจำหน่ายเริ่มเปลี่ยนไป มีการนำระบบออนไลน์เข้ามาใช้งานค่อนข้างเยอะ เราก็ต้องปรับตัวเช่นเดียวกัน มีการตั้งทีมขายออนไลน์ และก็ต้องไม่ทิ้งงานบริการหลังการขายด้วย ซึ่งกลุ่มพระนครให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่องเสมอมา และมีแผนงานในการพัฒนาปรับปรุงตรงนี้อย่างชัดเจน

สุดท้ายเมื่อ “ผู้สื่อข่าว” ถามถึงโอกาสที่จะได้เห็นกลุ่มพระนคร จะมีการระดมทุนเพื่อนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯหรือไม่นั้น กรรมการผู้จัดการตอบเสียงดังฟังชัด…

“เราไม่ติดปัญหาเรื่องของการลงทุน และไม่มีความจำเป็นจะต้องนำบริษัทเข้าไปจดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อขยายธุรกิจ”


ซึ่งถือเป็นการย้ำดัง ๆ ว่า กลุ่มพระนครยังมีทุนรองรับอย่างเหลือเฟือที่จะขยายอาณาจักร ขับเคลื่อนธุรกิจไปได้อย่างมั่นคงนั่นเอง