มาสด้าไฮบริดพร้อมลงตลาด ปลื้มทำลายสถิติโลกเติบโตสูงสุด 2 ปีซ้อน

มาสด้าลั่นพร้อมส่งไฮบริดทุกรูปแบบลุยตลาด เมินบี 20 เดินหน้าสู่ยูโร 5 และ 6 ตามสเต็ป กางแผนรับมือแบงก์ชาติเข้มปล่อยสินเชื่อ ผนึกทิสโก้-ธนชาต ส่ง “สกายแคมเปญ” เอื้อประโยชน์ลูกค้าทุกกรณี ปลื้มปีཹ ยอดขายพุ่งทะลุ 70,000 คัน ทุบสถิติเติบโตสูงสุดระดับโลกสองปีติดต่อกัน

นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร และนายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกันเปิดเผยว่า

แผนรุกตลาดของมาสด้าจากนี้จะให้ความสำคัญกับการส่งรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเข้าสู่ตลาด หลังจากยื่นขอรับส่งเสริมจากบีโอไอเป็นเม็ดเงินกว่า 11,000 ล้านบาท โดยจะมีรถยนต์นั่งและเอสยูวีที่เป็นไฮบริดทุกรูปแบบ ทั้งไมลด์ไฮบริดและฟูลไฮบริดตอบสนองความต้องการลูกค้า

“เราเดินหน้าตามแผนงานของเรา โดยไม่จำเป็นต้องรอความชัดเจนของรัฐบาลชุดใหม่ รวมถึงแพ็กเกจใหม่ ๆ ที่กระทรวงการคลังกำลังดำเนินการ เพื่อให้ทันกับความต้องการของลูกค้าตามนโยบายคัสตอมเมอร์เซ็นทริก”

สำหรับความร่วมมือที่รัฐบาลต้องการให้ค่ายรถหันมาใช้น้ำมัน บี 20 นั้น มาสด้ายังมีข้อจำกัด แต่ได้ทำเรื่องถึงบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นแล้ว ซึ่งแนวโน้มมาสด้าน่าจะกระโดดไปทำเครื่องยนต์ให้ได้ตามมาตรฐานยูโร 5 รวมทั้งขยับไปยูโร 6 ตามเงื่อนไขที่กระทรวงอุตสาหกรรมกำหนด ผู้บริหารมาสด้ายังกล่าวอีกว่า อุตสาหกรรมรถยนต์กำลังเติบโตต่อเนื่องแต่ช่วงนี้อาจจะได้รับผลกระทบจากความเข้มงวดของแบงก์ชาติในการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งมาสด้าแก้ปัญหานี้โดยจับมือกับแคปทีฟไฟแนนซ์ 2 ราย ทิสโก้และธนชาต จัดทำ “สกายแคมเปญ” ซึ่งจะให้รูปแบบและเงื่อนไขที่เป็นประโยชน์และทำให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถมาสด้าง่ายขึ้น ซึ่งน่าจะเริ่มได้เร็ว ๆ นี้

ส่วนความสำเร็จผลการดำเนินธุรกิจประจำปีงบประมาณ 2561 สร้างสถิติใหม่ยอดขายทะลุเกิน 70,000 คัน เพิ่มขึ้น 25% เติบโตสูงสุดอันดับหนึ่งของมาสด้าทั่วโลกสองปีติดต่อกัน ครองส่วนแบ่งการตลาด 6.6% รั้งอันดับสองของโลก ส่วนปี 2562 เสริมทัพรถยนต์รุ่นใหม่ลงตลาดมากถึง 6 รุ่น ตั้งเป้าขาย 75,000 คัน โต 5-10%

สำหรับยอดขายมาสด้าไตรมาสแรกของปีนี้ (มกราคม-มีนาคม 2562) มียอดจำหน่ายรวม 16,579 คัน ยังคงรักษาระดับยอดขายใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แบ่งเป็นมาสด้า2

จำนวน 12,460 คัน บีที-50 โปร จำนวน 1,652 คัน ซีเอ็กซ์-5 จำนวน 1,021 คัน มาสด้า3 จำนวน 887 คันซีเอ็กซ์-3 จำนวน 509 คัน และเอ็มเอ็กซ์-5 จำนวน 5 คัน

“ปัจจัยสำคัญคือเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ตลาดหุ้นกลับมาคึกคัก แนวโน้มการส่งออกเริ่มฟื้นตัว ธุรกิจด้านการท่องเที่ยวนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา ราคาพืชผลทางการเกษตรดีขึ้น กำลังซื้อมีมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ทั้งรถไฟความเร็วสูง และรถไฟรางคู่กำลังใกล้บรรลุผลสำเร็จ หรือแม้แต่การเปิดระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อให้เราก้าวไปสู่ศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการเชื่อมโยงการขนส่งระดับภูมิภาค”

นายธีร์กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้ถือเป็นปีที่มาสด้ากำลังก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ มาสด้าเริ่มวางแผนการสื่อสารไปยังลูกค้าเกี่ยวกับรถยนต์ในเจเนอเรชั่นที่ 7 ซึ่งจะทำการเปิดตัวในครึ่งปีหลัง พร้อม ๆ กับรุ่นอื่นที่จะทยอยเปิดตัวในปีนี้ รวมแล้วทั้งหมด 6 รุ่น ครอบคลุมในทุกเซ็กเมนต์ โดยเฉพาะเทคโนโลยีใหม่ ๆ