รอยัล เอนฟิลด์ ลั่น ปักหมุดใช้ไทยฐานผลิตใหญ่

รอยัล เอนฟิลด์ จักรยานยนต์แบรนด์ภารต สัญชาติอินเดีย เปิดตลาดในบ้านเรามาถึงวันนี้ขึ้นปีที่ 3 แต่สำหรับ “สิทธัตถะ ลาล” ประธานบริหาร รอยัล เอนฟิลด์ เพิ่งมีโอกาสได้พูดคุยกับสื่อ

วันนี้ ซีอีโอใหญ่ไล่เรียงแผนงานและการขับเคลื่อนธุรกิจของรอยัล เอนฟิลด์ อย่างละเอียด รวมถึงความตั้งใจที่จะลงหลักปักฐาน เลือกไทยเป็นฐานผลิตแห่งแรกนอกอินเดีย

ปีที่น่าตื่นเต้น

เราต้องบอกว่าปีนี้ถือเป็นปีที่น่าตื่นเต้นสำหรับเรา เพราะปีนี้เป็นปีแรกที่เราตัดสินใจ ก่อตั้งบริษัทลูกขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะมีพนักงานชาวอินเดีย และพนักงานชาวไทยทำงานร่วมกัน และประเทศไทยถือเป็นบ้านหลังใหม่ของรอยัล เอนฟิลด์

โรงงานนอกอินเดียแห่งแรก

ประเทศไทยจะเป็นฐานการผลิตของรอยัล เอนฟิลด์ นอกอินเดียแห่งแรก และถือเป็นครั้งแรกของเราที่จะมีการร่วมลงทุนกับพาร์ตเนอร์เพื่อผลิตรถจักรยานยนต์รอยัล เอนฟิลด์ ใน 3 แพลตฟอร์ม ได้แก่ รุ่นเครื่องยนต์ 500 คลาสสิก หิมาลายัน 410 ซีซี และรุ่นเครื่องยนต์ 2 สูบ เพื่อรองรับความต้องการของประเทศไทยก่อน เบื้องต้นได้จับมือกับพันธมิตรคือ กลุ่มยูไนเต็ดออโต้ เพื่อตั้งโรงงานประกอบที่นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ จ.ฉะเชิงเทรา ก่อน ในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้น่าจะได้เห็นความชัดเจน และปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าจะเริ่มมีรถออกสู่ตลาด

เล็งขยายตลาดส่งออก

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รอยัล เอนฟิลด์ ได้รับกระแสตอบรับในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งนับเป็นหนึ่งในตลาดรถจักรยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเป็นอย่างดีเสมอมา และแน่นอนว่าเมื่อเรามีการประกอบรถจักรยานยนต์ขึ้นในประเทศไทยแล้ว มีความเป็นไปได้ว่าจะมีการขยายตลาดออกไปยังภูมิภาค เพื่อนำเสนอรถจักรยานยนต์ของเรามาเติมเต็มในกลุ่มรถจักรยานยนต์ขนาดกลางในภูมิภาคนี้ แต่เนื่องจากความซับซ้อนของเงื่อนไขการผลิตเพื่อการส่งออกของภูมิภาคอาเซียนนั้นค่อนข้างมีความซับซ้อน ในเรื่องของกฎระเบียบต่าง ๆ เราอาจจะต้องใช้ระยะเวลาอีกพอสมควรในการศึกษาเงื่อนไข

มั่นใจบีโอไอไม่ซับซ้อน

มีสื่อหลายฉบับถามว่า ทำไมเราถึงตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นบ้านอีกหลัง ก็เนื่องจากนโยบายส่งเสริมการลงทุนของประเทศไทยโดยเฉพาะบีโอไอนั้นไม่ได้มีความซับซ้อน ภาครัฐเองก็ให้การสนับสนุนและส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์มาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับประเทศไทยเองมีศักยภาพการแข่งขัน รวมทั้งระบบซัพพลายเชนชิ้นส่วนยานยนต์ที่แข็งแกร่ง และเราเคยใช้โมเดลธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตได้ ด้วยการผลิตรถในอินเดียแล้วส่งออกไปจำหน่ายทั้งสหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น ออสเตรีย และเริ่มรุกตลาดส่งออกละตินอเมริกา อาเซียน โคลอมเบีย บราซิล และจีน ซึ่งมีการส่งออกไปในหลากหลายประเทศ แต่ปรากฏว่าตลาดที่มีการตอบรับที่ดีและมีโอกาสในการพัฒนาเพิ่มศักยภาพ คือ ประเทศไทย

ผุดเน็ตเวิร์ก-ศูนย์บริการ 25 แห่ง

แน่นอนเรามีการจัดตั้งบริษัทแล้ว และมีการลงทุนในส่วนของโรงงานประกอบ จากนี้จะมีการเพิ่มโชว์รูมในรูปแบบของสแตนด์อะโลน จาก 3 แห่ง เป็น 15 แห่งใน กทม. กระจายหัวเมืองใหญ่ และเพิ่มศูนย์บริการหลังการขายอีก 25 แห่ง ภายในเดือนมีนาคม ปี 2563สโตร์จาก 3 แห่ง เป็น 15 แห่ง โดยบริษัทจะให้สิทธิ์กับดีลเลอร์รายเดิมในการขยายโมเดลธุรกิจทั้ง 2 รูปแบบก่อน โดยมองพื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ และเมืองหลัก ๆ อย่าง พัทยา ภูเก็ต

2 ปีขึ้นเบอร์หนึ่งรถขนาดกลาง

ปีที่แล้วประเทศไทยมียอดขาย 1,400 คัน ซึ่งเป็นผลงานจากดีลเลอร์เจ้าเดียว ซึ่งมี 3 สาขา คือ ทองหล่อ วิภาวดี และเชียงใหม่ จากแผนธุรกิจซึ่งเราจะขยายเครือข่ายตามเป้าหมายนั้น

หมายความว่าโอกาสที่ยอดขายเราจะเพิ่มขึ้นแน่นอน และภายในระยะเวลา 2-3 ปี รอยัล เอนฟิลด์ จะมียอดขายขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของกลุ่มตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดกลาง (250-700 ซีซี) และเราเคยโตในตลาดนี้ที่อินเดีย ใช้โมเดลนี้กับประเทศอื่นรวมทั้งประเทศไทย ซึ่งมีความต้องการของรถจักรยานยนต์ที่ 1.5 ล้านคัน แต่รถขนาดกลางมีแค่ 15,000 คัน ขยาย 5-10 ปี ดังนั้น เป้าหมายการขึ้นเบอร์หนึ่งของเรานั้นทำได้ ไม่น่าจะมีอะไรยาก เพราะรถของเราเป็นรถในกลุ่มพรีเมี่ยมที่ราคาจับต้องได้

ปลื้มการตอบรับล้นหลาม

แน่นอน เราเป็นบริติชแบรนด์ 1901 เป็นแบรนด์ผลิตมอเตอร์ไซค์ต่อเนื่องยาวนาน 1995 สำเร็จจากอังกฤษ ในปี 1990 ธุรกิจของรอยัล เอนฟิลด์ จะล้ม และเราเข้าเทกโอเวอร์ต่อในปี 1991 ซึ่งขณะนั้นเราพยายามโฟกัสการผลิตรถที่มีความแตกต่าง ไม่เหมือนรถญี่ปุ่นที่เน้นเครื่องยนต์ขนาดเล็ก แต่เราวางตำแหน่งสินค้าให้เป็นรถจักรยานยนต์ที่มีเครื่องยนต์ใหญ่ขึ้น ขับขี่สนุกเพลิดเพลิน เพื่อการท่องเที่ยว โดยเราสร้างยอดขายจากหลัก 2,000 คันต่อปี กระโดดขึ้นมาเป็น 20,000 คัน ในอินเดีย และเพิ่มเป็น 50,000 คัน ในปี 2010 โดยเน้นเจาะตลาดรถท่องเที่ยว แอดเวนเจอร์ 800,000 คัน ในปีที่บริษัทวางแผนผลิตรถมอเตอร์ไซค์ถึง 950,000 คัน ในปีงบประมาณ 2562-2563 และยุทธศาสตร์สำคัญได้มาเริ่มปักหลักจากประเทศไทยด้วย

คงไม่นานเกินรอที่จะได้เห็นการสร้างตลาด ผ่านโอกาสอันหลากหลายของชายที่ชื่อ “สิทธัตถะ” กับการเปิดตลาดรถจักรยานยนต์ รอยัล เอนฟิลด์ ให้เข้าไปอยู่ในใจลูกค้าชาวไทยได้มากน้อยแค่ไหน ต้องติดตาม