ยกระดับเซอร์วิสมัดใจลูกค้า ทุ่มผุด “ยามาฮ่าพรีเมี่ยมช็อป” ทั่วประเทศ

“ยามาฮ่า” เท 200 ล้าน ยกระดับบริการหลังการขาย ผุด “พรีเมี่ยม เซอร์วิส ช็อป” แห่งแรกในเอเชีย มัดใจลูกค้า ลั่นปีหน้าเพิ่ม 4-6 แห่งทั่วประเทศ

นางสรวงสุดา มนัสบุญเพิ่มพูล ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส ฝ่ายการตลาดกลุ่มรถออโตเมติก และตราสินค้า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดเผยถึงแผนธุรกิจปีนี้ว่า ต้องการยกระดับงานบริการหลังการขายให้เป็นเลิศ ดังนั้นจึงใช้งบประมาณมูลค่า 200 ล้านบาท ก่อสร้างศูนย์บริการต้นแบบ “ยามาฮ่า พรีเมี่ยม เซอร์วิส ช็อป” ซึ่งถือเป็นไพลอตช็อป เพื่อเป็นศูนย์บริการต้นแบบแห่งแรกของเอเชีย ก่อนที่จะขยายเพิ่มเติมในอนาคต เพื่อเน้นการพัฒนาและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า

สำหรับยามาฮ่า พรีเมี่ยม เซอร์วิส ช็อป นั้นเป็นรูปแบบสแตนด์อะโลน ตั้งอยู่บนถนนศรีนครินทร์ บนพื้นที่ขนาด1 ไร่ และได้เปิดดำเนินการไปแล้วเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยจะให้บริการในรูปแบบ 2S คือ เซอร์วิส และสแปร์พาร์ต กับรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ขนาดต่ำกว่า 400 ซีซี โดยสามารถให้บริการได้ 80 คันต่อวัน พื้นที่การให้บริการรวม 1,589 ตารางเมตร และมีช่องซ่อม 10 แท่น มีการสต๊อกอะไหล่มากกว่า 1,700 รายการโดยลูกค้าที่นำรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าเข้ารับบริการ บริษัทยังมีรถใช้งานระหว่างซ่อมไว้รองรับลูกค้ามากถึง 20 คัน

นอกจากนี้ยังมีมุมพักผ่อน และมุมกาแฟไว้รองรับบริการลูกค้า และส่วนของบริการชุดแต่ง อุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง ในมุม Yamaha Genuine Part ได้แก่ Ohlins และหมวกกันน็อก Real

เบื้องต้นบริษัทตั้งเป้าส่วนของรายได้ จากการให้บริการของยามาฮ่า พรีเมี่ยม เซอร์วิส ช็อป โดยมีรถเข้าใช้บริการที่ 45 คันต่อวัน และมีรายได้ที่ 3.5 ล้านบาทต่อเดือน ในปี 2562 ส่วนปีหน้ายังไม่ได้ตั้งเป้า และต้องรอดูการตอบรับของลูกค้าก่อน

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะพัฒนาและขยายเครือข่ายของการให้บริการระดับพรีเมี่ยมออกไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยคาดว่าภายในปี 2563 จะมีการเปิดเพิ่มโดยตัวแทนจำหน่ายอย่างน้อย 4-6 แห่งทั่วประเทศ เบื้องต้นคาดว่าดีลเลอร์จะต้องลงทุนไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท และขณะนี้มีผู้ให้ความสนใจสมัครเข้ามาจำนวนหนึ่งแล้ว

“เราต้องการยกระดับบริการหลังการขายให้กับลูกค้ายามาฮ่า ศูนย์แห่งนี้ถือเป็นแห่งแรกของภูมิภาคที่ยามาฮ่าตัดสินใจลงทุนในเรื่องของงานบริการหลังการขาย และเราหวังจะส่งต่อประสบการณ์ที่ดีไปให้ลูกค้ายามาฮ่าทุกคัน และทุกคน จริง ๆ แล้วโมเดลการบริการแบบนี้ เราศึกษามาจากโมเดลของรถยนต์ และเราเชื่อว่าจะเป็นส่วนเสริมสร้างและช่วยดึงลูกค้ากลับมาหาเราได้อย่างแน่นอน”

นอกจากนี้ นางสรวงสุดายังได้กล่าวถึงความคืบหน้าของการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนารถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ออกสู่ตลาด หลังจากเมื่อช่วงงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา บริษัทได้นำรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ แบบวิบากมาจัดแสดง และมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่บริษัทจะมีการพัฒนาสินค้าที่เป็นรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าออกมา แต่ยังไม่ใช่ในปีนี้

“เทคโนโลยีบลูคอร์เราจะยังคงทำอย่างต่อเนื่อง เมื่อตอนมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา เรานำรถจักรยานยนต์อีวีมาโชว์ ซึ่งเป็นอีวีที่กระโดดได้ และถือว่าหลุดกรอบของรถอีวีที่ทำให้ โดยเป็นรถไม่มีมลพิษ แถมใช้งานในรูปแบบของรถวิบากได้ มีน้ำหนักรถเบา ซึ่งยามาฮ่ามีแผนพัฒนาต่อไป 3 เทคโนโลยีหลักคือ บลูคอร์ รักสิ่งแวดล้อม เฟอร์พอร์มประหยัด ไม่ว่าจะพัฒนาเทคโนฯไปทางไหนรักษาคอร์ตรงนี้ และส่วนอีวีน่าจะได้เห็นต้นปีหน้า”

สำหรับยอดขายของตลาดรถจักรยานยนต์ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา มียอดขาย 740,000 คัน โดยยามาฮ่ามียอดขายที่ 110,000 คัน แบ่งเป็น กลุ่มรถออโตเมติก 72,380 คัน มีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 26% ของตลาดรถประเภทนี้ที่มียอดขาย 5 เดือนแรกที่ 270,000 คัน