เบนซ์ลุยปลุกแบรนด์ “มายบัค” ดีลเลอร์โอดย้ายรองประธานไปเม็กซิโก

“เมอร์เซเดส-เบนซ์” ปลื้มลูกค้าตอบรับแบรนด์ “เอเอ็มจี” ดีเกินคาด สั่งลูกทีมโหมสร้างแบรนด์ “มายบัค” เพิ่ม เจรจาบริษัทแม่ขอรุ่นใหม่เสริมทัพดีลเลอร์โอดเสียมือดี “ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์” ถูกโยกไปเม็กซิโก

แหล่งข่าวระดับบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัดเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แผนรุกตลาดครึ่งปีหลังนอกจากเร่งขยายเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายให้ครอบคลุมกับปริมาณรถในท้องตลาด เพิ่มระดับความพึงพอใจให้กับลูกค้าเบนซ์ทุกรายแล้ว นายโรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหารยังได้สั่งให้ทีมงานเร่งสร้างแบรนด์ในเครือให้มีความโดดเด่นเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะแบรนด์ “มายบัค” ซึ่งระยะหลังลูกค้าคนไทยห่างหายจากแบรนด์นี้ไปนาน

“การประชุมกับตัวแทนจำหน่ายและทีมงานล่าสุด ท่านประธานกำชับเรื่องนี้เป็นพิเศษ อยากให้เร่งฟื้นแบรนด์มายบัค ทำให้เหมือนกับแบรนด์เอเอ็มจีและแบรนด์อีคิว ซึ่งในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ทั้งสองแบรนด์นี้เติบโตได้เร็วมากโดยเฉพาะแบรนด์เอเอ็มจีเริ่มทำตลาดจริงจังเมื่อปี พ.ศ. 2560 แต่เติบโตเร็วเกินคาด ปี 2561 โตถึง 309% ส่วนไตรมาสแรกปีนี้โตเกือบ 80% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา”

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้มีการเจรจากับทางบริษัทแม่ โดยในครึ่งปีหลังนี้น่าจะมีแบรนด์ “มายบัค” เข้ามาเสริมตลาดซึ่งจะทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์มีแบรนด์สินค้าครบทุกความต้องการลูกค้า

“เราให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรก จะเห็นว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ เรายังได้แต่งตั้งให้ตัวแทนจำหน่ายรายเดิม สามารถขยายงานด้านบริการหลังการขายเพิ่มเติมออกไปในรูปแบบของเอาต์เลตแบบ 2 เอส ที่มีเพียงแค่เซอร์วิสและอะไหล่เท่านั้น เพื่อให้ทันกับปริมาณรถที่เราขายปีหนึ่งหลายหมื่นคัน อาทิ เบนซ์ เภตรา เปิดเพิ่มที่อยุธยา, เบนซ์ พระราม 3 เปิดเพิ่มย่านบางจาก และเบนซ์จันทบุรี เปิดเพิ่มที่ระยอง และจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ”

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การรุกตลาดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ช่วงที่ผ่านมาถือว่าค่อนข้างดุดัน โดยเฉพาะการคลอดโปรดักต์ใหม่ ทั้งซีบียู, เอสเคดี และซีเคดีจากโรงงานธนบุรีประกอบยนต์

ซึ่งทำให้คู่แข่งในตลาดแทบไม่มีจังหวะหายใจ แต่ล่าสุด นายฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหาร ฝ่ายขายและการตลาด ครบวาระต้องสลับการดูแลตลาดกับรองประธานที่ประเทศเม็กซิโก ในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ ที่ผ่านมาดีลเลอร์ส่วนใหญ่ทำงานร่วมกับนายฟรังค์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งการเปลี่ยนผู้บริหารคนใหม่น่าจะต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าจะลงตัวกันทั้งสองฝ่าย