เอ็มจีซี-เอเชีย ผนึก พีเอสเอ กรุ๊ป ปลุกแบรนด์ “เปอโยต์”

ตั้งโต๊ะจดปากกาลงนามความร่วมมือกันไปเป็นที่เรียบร้อย ระหว่างค่ายรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศส “เปอโยต์” และกลุ่มทุนค้าปลีกรถยนต์รายใหญ่สุดของบ้านเรา “เอ็มจีซี-เอเชีย กรุ๊ป” ภายใต้การดำเนินธุรกิจของบริษัทในเครือ บริษัท เบลฟอร์ตออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด หรือเปอโยต์ ประเทศไทย คว้าสิทธิการเป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย

หัวแถวจาก 2 ฝั่ง “ลอเรนซ์ โนเอล” รองประธานอาวุโส อาเซียน จากพีเอสเอ กรุ๊ป และ ดร.ยอร์ก บรอเยอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปอโยต์ ไทยแลนด์ ให้สัมภาษณ์ถึงทิศทางความร่วมมือของดีลครั้งนี้ว่า จะขับเคลื่อนรถยนต์ที่ (เคย) ครองใจคนไทยได้มากที่สุดไปในทิศทางไหนไปติดตามกัน

พีเอสเอตั้งฐานผลิตในอาเซียน

“ลอเรนซ์ โนเอล” ฉายภาพให้เห็นว่า ขณะนี้กลุ่มพีเอสเอได้เข้ามาตั้งฐานผลิตขึ้นในภูมิภาคอาเซียน เพื่อดูแลและต้องการส่งมอบประสบการณ์อันน่าประทับใจให้กับลูกค้าในภูมิภาคนี้ รวมถึง

ประเทศไทย ปัจจุบันฐานผลิตของเอสพีเอ กรุ๊ป อยู่ที่มาเลเซีย ปัจจุบันผลิตรถเปอโยต์ 2 รุ่นคือ 3008 และ 5008 โดยมีกำลังผลิตสูงสุดที่ทำได้ 75,000 คันต่อปี โดยโรงงานนี้จะเป็นฐานผลิตเพื่อรองรับความต้องการของภูมิภาค และในปี 2563 จะมีการผลิตเพิ่มอีก 2 รุ่น แต่ยังไม่บอกว่าเป็นรุ่นไหน ขณะที่โรงงานในเวียดนามนั้นจะเป็นการผลิตเพื่อรองรับความต้องการภายในประเทศ โดยสามารถผลิตได้สูงสุดแค่ 50,000 คันต่อปี และเราเพิ่งเริ่มการผลิตในมาเลเซีย โดยจะมีการส่งรถออกมาจำหน่ายยัง ไทยและฟิลิปปินส์

เรียกความเชื่อมั่นคืน

ความคาดหวังของพีเอสเอในการร่วมมือครั้งนี้เราต้องเติบโตให้ได้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของ ดร.ยอร์กและทีมงาน แต่หากดูในเชิงสถิติในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา มีรถยนต์เปอโยต์ที่ขายในประเทศไทยกว่า 20,000 คัน ประสบการณ์ของลูกค้าคือสิ่งที่สำคัญมาก ที่พีเอสเอและเอ็มจีซี-เอเชีย โดยบริษัท เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด จะต้องทำร่วมกันเพื่อเรียกความเชื่อมั่นของแบรนด์คืนมา

ลั่นปี 2563 ทะลุหมื่นคัน

สำหรับยอดขายของพีเอสเอในอาเซียนปี 2561 ที่ผ่านมาเรามียอดขายทั้งอาเซียนอยู่ที่ 10,000 คัน โดยหลัก ๆ เป็นยอดขาย มาจากรถยนต์เปอโยต์ 9,000 คัน ส่วนที่เหลือเป็นรถยนต์ในกลุ่ม 1,000 คัน

ส่วนปีนี้แน่นอนว่า เราต้องตั้งเป้ายอดขายไว้ให้ มากกว่าเดิม เนื่องจากมีการเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างจริงจัง โดยผู้แทนจำหน่ายรายใหม่อย่าง “เบลฟอร์ต ออโตโมบิล” เราก็หวังว่า ปีหน้าจwะเป็นปีที่เรามียอดขายมากกว่า 10,000 คันอย่างแน่นอน

คนเอเชียชื่นชอบรถยุโรป

ผู้บริหารสาวยอมรับว่า ตลาดภูมิภาคอาเซียนนี้ถือเป็นตลาดที่มีความน่าสนใจ และคนเอเชียชื่นชอบรถยุโรป อย่างในเวียดนามที่พีเอสเอเข้าไปตั้งโรงงานนั้น แม้ว่าความต้องการของตลาดเวียดนามจะมีอยู่แค่ 250,000 คันต่อปี แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าตลาดนี้มีการเติบโตแบบ “เร้าใจ” เมื่อเทียบกับไทยอาจจะไม่ใหญ่มาก แต่เราจะต้องมีการวางแผนในระยะยาวเพื่อเตรียมการผลิต

โหมปลุกแบรนด์เปอโยต์ในไทย

ดร.ยอร์กฉายภาพให้เห็นถึงแผนงานระยะสั้นคือ ในเดือนหน้า งาน “บิ๊กมอเตอร์เซล” ระหว่างวันที่ 16-25 สิงหาคมนี้ ก่อนจะมีรถยนต์ 2 รุ่นคือ เปอโยต์ 3008 และ 5008 ให้ลูกค้าได้สัมผัสก่อน

และภายในระยะเวลา 2 ปีจากนี้เราเตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดอีก 6 รุ่น เกณฑ์ในการเลือกรถจะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยคือ ต้องดูว่าความต้องการของตลาดในประเทศไทยเป็นอย่างไร และเมื่อนำเข้ามาแล้ว “ราคา” จะต้องสามารถแข่งขันได้ ส่วนของคุณภาพการผลิตต้องมีอะไรที่น่าเป็นห่วง

ส่วนแผนงานระยะกลางนั้น เราต้องเร่งดูแลเรื่องของการขยายเครือข่าย และเพิ่มความหลากหลายให้กับสินค้า โดยในปีหน้าจะมีโชว์รูม 4 แห่งในกรุงเทพฯก่อน และการเพิ่มของจำนวนโชว์รูมนั้นจะต้องสอดคล้องกับจำนวนรถยนต์ที่เราจำหน่ายด้วย เบื้องต้นเป็นการลงทุนโดยเอ็มจีซี-เอเชียก่อน เพื่อสร้างความมั่นใจ จากนั้นก็จะหาคนที่มีวิสัยทัศน์ที่มีความมั่นใจเดินไปด้วยกัน เราก็จะขยายไปต่างจังหวัด เรามองที่เมืองใหญ่ อย่างน้อย 10 แห่ง ด้านงานบริการหลังการขายนั้น ทางผู้แทนจำหน่ายเดิมคือ ยูโรเปียน มอเตอร์ จะมีการส่งมอบลูกค้าอย่างเป็นทางการและทันที ทาง “เบลฟอร์ต ออโตโมบิล” จะเป็นผู้รับช่วงต่อทันที

เร่งสร้างภาพลักษณ์แบรนด์

ในส่วนของ “แบรนด์” ที่ผ่านมา ไม่ได้ถือว่า “เลวร้าย” นัก ถือว่าผู้แทนจำหน่ายรายเดิมทำไว้ค่อนข้างดีที่สุดแล้ว แต่เนื่องจากต้องยอมรับว่า เปอโยต์เป็นรถยนต์นำเข้ามาทั้งคัน อาจจะมีความเสียเปรียบ

วันนี้เราเอง “เบลฟอร์ต ออโตโมบิล” ได้วางทีมงานและเตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดี เพื่อพัฒนาจุดนี้ให้ดียิ่งขึ้น ดร.ยอร์กกล่าว

ราคาอดใจอีกนิด

วันนี้คงยังบอกไม่ได้ แต่กระบวนการการตั้งราคาจำหน่ายนั้น มันมีรายละเอียดอยู่ค่อนข้างเยอะ เรามีราคาอยู่ในใจแล้ว แต่ต้องดูว่าจะมีออปชั่นอะไรอยู่ในรถบ้าง รออีกแค่ 1 เดือนกว่า ๆ ให้เราดูรายละเอียดว่าทำราคาอย่างไรบ้าง

เล็งเพิ่มแบรนด์ “ซีตรอง”

ผู้บริหารทั้ง 2 คนยอมรับว่า สิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนกันคือ รถยนต์ทั้ง 2 ยี่ห้อมีโปรไฟล์ลูกค้าที่แตกต่างกัน แต่อย่างไรก็ตาม ได้มองเห็นโอกาสและศักยภาพของ “ซีตรอง” เช่นเดียวกัน ในภูมิภาคอาเซียน

วันนี้มี 5 ประเทศแล้ว ที่รถ “ซีตรอง”เข้าไปทำตลาด หากมองในภาพรวมพีเอสเอมีถึง 5 แบรนด์ ดังนั้นหลาย ๆ อย่างอยู่ระหว่างการพัฒนา