เข้ามานั่งแท่นรับหน้าเสื่อดูแล นิสสัน ประเทศไทย ได้ยังไม่ถึงขวบปีสำหรับนายใหญ่ชาวฝรั่งเศสอันตวน บาร์เตส ประธาน บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กับบทบาทและภารกิจสำคัญในการที่จะนำพานิสสันไปสู่เป้าหมาย เพื่อก้าวขึ้นเป็นบริษัทผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดขึ้นไป ในระดับ 2 ดิจิต ภายใน 3 ปีจากนี้ แน่นอนว่าภาระและบทบาทของบอสใหญ่ ย่อมต้องไม่ธรรมดา…
เพราะเพียงแค่ไตรมาสแรกเท่านั้น อันตวน และทีมงานได้ส่งนิสสันขึ้นแท่น มีส่วนแบ่งทางการตลาดในไตรมาสแรกขึ้นไป 1.4% สวนทางกับค่ายรถยนต์โดยรวม แถมก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 2 ในแง่ของอัตราการเติบโต
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
อะไรคือปัจจัย และแนวทางการขับเคลื่อนนิสสัน จาก “อันตวน” จากนี้นิสสันจะเดินไปในทิศทางใดได้ ไปติดตามกัน
Q : ยึดลูกค้าเป็นหัวใจ
สำหรับ นิสสัน ประเทศไทยนั้น สิ่งสำคัญที่นิสสันมุ่งมั่นและให้ความสำคัญ คือ “ลูกค้า” ซึ่งก็คือกลุ่มลูกค้าคนไทย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ และเป็นศูนย์กลางของการวางกลยุทธ์ และการทำธุรกิจของนิสสัน
ความพึงพอใจของลูกค้า ไม่ใช่เพียงแค่การซื้อรถไปแล้ว แต่สำหรับนิสสัน คือ การทำให้ลูกค้าพึงพอใจทั้งก่อน-หลังซื้อ ทำอย่างไรที่จะทำให้ธุรกิจของนิสสันเติบโตในประเทศไทย ต้องมาจากพื้นฐานการทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด ทั้งก่อนซื้อ ระหว่างซื้อ และหลังซื้อรถไปแล้ว
Q : ชูกลยุทธ์หลัก 3 ประการ
ภายใต้การบริหารของอันตวน บาร์เตส มุ่งเน้นกลยุทธ์ที่ให้ความสำคัญกับลูกค้า 3 ประการ ได้แก่
1.การเพิ่มความหลากหลายของรถยนต์ในประเทศไทย ด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ รวมถึงการปรับรูปลักษณ์ เห็นได้จากการเปิดตัวนิสสัน โน๊ต นาวารา แบล็กเอดิชั่น และอัลเมรา
ในช่วงที่ผ่านมาโดยในเร็วนี้อีกไม่กี่เดือน นิสสันน่าจะมีอะไรใหม่ มาบอกกล่าวให้ฟัง
2.การทำงานร่วมกับเครือข่ายผู้จำหน่ายรถยนต์นิสสันอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับปรุงการดำเนินงาน และการลงทุนให้สามารถนำเสนอการบริการที่มีคุณภาพและสร้างความพึงพอใจสูงสุด แก่ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น รวมไปถึงการทำงานร่วมกับดีลเลอร์เพื่อทำให้ดีลเลอร์มีผลประกอบการที่ดีขึ้น มีการลงทุนที่มากขึ้น เพื่อให้ลูกค้ามีความพึงพอใจ
3.การใช้ประโยชน์จากฐานการผลิตของนิสสันในประเทศไทย รวมถึงศูนย์พัฒนาและวิจัยยานยนต์ของนิสสัน เพื่อใช้ศูนย์แห่งนี้ในการพัฒนารถยนต์ และผลิตรถยนต์ให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าในไทยและภูมิภาค และยังรองรับกับ 90 ประเทศทั่วโลก
Q : โชว์เพอร์ฟอร์มานซ์
สำหรับผลประกอบการ เรานับเป็นรอบตามปีงบประมาณแบบญี่ปุ่น ไตรมาสแรกของเราเริ่มเดือนเมษายน-มิถุนายน จะเห็นว่าผลประกอบการของเราเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น การเติบโตของนิสสันขึ้นไประดับ 6.9-7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวปีก่อน จากภาพรวมของตลาดรวม คาดว่าปีนี้ความต้องการอยู่ที่ 850,000 คัน
และคาดว่าจะโตที่ 6.5% โดยจะเห็นว่าไตรมาสแรกของนิสสัน เรามีการเติบโต 33% และหวังว่าภายในปีนี้ นิสสันจะมีการเติบโตที่ระดับ 30% และมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 7%
เมื่อพิจารณาจากตัวเลขการเติบโตในช่วงไตรมาสแรกนั้นจะเห็นว่า นิสสันมีการโตเติบโตสูงสุดเป็นอันดับ 2 จากแบรนด์รถยนต์ต่าง ๆ ถึง 1.4% และคนที่ได้เบอร์ 1 คือ มิตซูบิชิ และนั่นหมายความว่า นิสสันต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อที่จะแซงหน้าและเอาชนะมิตซูบิชิให้ได้
Q : วางเป้าหมายระยะยาว
วันนี้เรามีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 7% และเราหวังว่าจากนี้ไปจะมีการเติบโตแบบ “ดับเบิลดิจิต” ภายในระยะเวลาอีก 3 ปีจากนี้หรือปี 2563
Q : ศักยภาพกำลังผลิต
โรงงานของนิสสันทั้ง 2 แห่งในประเทศไทย เราผลิตเพื่อรองรับความต้องการในประเทศและส่งออก โดยปีนี้เรามีปริมาณการผลิตมากกว่าปีก่อน จาก 117,000 คัน เป็น 127,000 คัน จากกำลังผลิตของโรงงานทั้ง 2 แห่ง ซึ่งมีกำลังการผลิตรถยนต์รวมกันถึง 228,250 คัน จะเห็นว่าการผลิตเพื่อการส่งออกลดลง เนื่องจากตลาดในประเทศมีการเติบโตเพิ่มขึ้น
Q : อีโคคาร์ดันยอดโต
นิสสันต้องรู้ก่อนว่า ลูกค้าต้องการอะไร ? รถยนต์นิสสันมีการเติบโตเพิ่มขึ้นมาก เห็นจากยอดขายในแต่ละเดือนนั้นดีขึ้นต่อเนื่อง และตัวที่สร้างการเติบโต คือ กลุ่มอีโคคาร์อย่าง “มาร์ชและอัลเมร่า” เช่นเดียวกับนาวารา ที่เป็นสินค้าที่สร้างรายได้หลักให้กับนิสสัน
ส่วนยอดขายของโน๊ตนั้นก็มีการเติบโตไปในทิศทางที่ดี แต่เรายังไม่พอใจ และอยากจะทำให้ดีกว่านี้
Q : อยากเป็นค่ายแรกขายรถอีวี
ตอนนี้เราอยู่ระหว่างการปรึกษาและเจรจากับภาครัฐอยู่จริง และหากมีความคืบหน้า เราจะออกมาเล่าให้ฟัง
ผมอยากให้นิสสันเป็นค่ายรถยนต์รายแรก ๆ ที่นำรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) เข้ามาจำหน่าย และเราอยากให้รัฐบาลเข้าใจว่า นิสสันมี “สินค้า” อะไรที่นำเข้ามาบ้าง อย่างบางประเทศ รถอีวีสามารถกินส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่ม และจำเป็นต้องมีปัจจัย 2 อย่าง ที่ทำให้รถประเภทนี้เกิด คือ 1.รัฐบาลต้องให้สิทธิประโยชน์ให้คนใช้และผู้ผลิต เพื่อทำให้รถยนต์มี “ราคา” ที่เข้าถึงได้
2.การสร้างระบบรองรับ เพื่อให้คนมั่นใจว่ามีสถานีชาร์จรองรับ วันนี้หน้าโรงงานของเรา กม. 22 ก็มีสถานีชาร์จอยู่ และนี่คือสิ่งที่จะทำให้รถไฟฟ้าเกิด ที่สำคัญ นิสสันอยาก
ให้รัฐบาลสนับสนุนด้าน “ราคา” เพื่อให้คนเข้าถึงได้ อาจจะไม่ใช่แค่เม็ดเงิน บางประเทศก็มีการซัพพอร์ตด้านต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นให้รถประเภทนี้เกิด และสุดท้ายลูกค้าจะต้องได้ประโยชน์
นอกจากนี้ในแง่ของการผลิตอี-พาวเวอร์ของนิสสัน คือ จำเป็นจะต้องหาซัพพลายเออร์ที่จะผลิตแบตเตอรี่ในประเทศไทยด้วย เพื่อให้รถยนต์ไฟฟ้าเกิด
Q : ดันอี-พาวเวอร์เข้าเงื่อนไข
อี-พาวเวอร์ ก็อยู่ในพอร์ตของนิสสัน ดังนั้น ตอนไปคุยกับรัฐบาล เราก็อยากที่จะให้รถในพอร์ตของเราได้รับการพิจารณาด้วย แต่ว่าวันนี้คงจะไม่สามารถให้คำตอบอะไรได้ และเราหวังว่ารัฐบาลน่าจะให้ความสำคัญ และน่าจะร่วมกับเทคโนโลยีรถไฟฟ้า ก็ควรที่จะมีอี-พาวเวอร์ร่วมเข้าไปในนั้น และนิสสันจะเดินตามกลยุทธ์ของนิสสัน คือการใช้เทคโนโลยีเป็นตัวนำ
Q : การจัดระเบียบดีลเลอร์
เรากำลังทำงานร่วมกับดีลเลอร์อย่างใกล้ชิดเพื่อให้มั่นใจว่า ผลประกอบการและการลงทุนของดีลเลอร์จะไปได้ดี และจะทำให้ลูกค้าพอใจ
นิสสันต้องการเติบโตสำหรับตลาดในประเทศไทยและการจะเติบโต นิสสันจะต้องมีเครือข่ายดีลเลอร์ที่เข้มแข็ง
นิสสันจะต้องร่วมมือกับดีลเลอร์ที่พร้อมจะลงทุน และเติบโตไปกับเรา และทำได้ตามเป้าหมายที่เราวางไว้
ปัจจุบัน มีดีลเลอร์ทั้งสิ้น 120 ราย กับ 200 โชว์รูม เราต้องลงดูจริง ๆ คือ เฟอร์ฟอร์มานซ์ของดีลเลอร์ และการลงทุนเพื่อให้ผู้บริโภคพึงพอใจ
นี่คือเรื่องที่สำคัญ นิสสันจะต้องทำงานร่วมกับดีลเลอร์ เพื่อให้ดีลเลอร์ทำให้ได้ตามนี้ และนี่ถือเป็นเรื่องปกติของธุรกิจ
วันนี้มันไม่ยุติธรรมที่จะบอกว่า ใครทำดี หรือทำไม่ดี สิ่งสำคัญ คือ นิสสัน พยายามช่วยดีลเลอร์ที่ยังมีเฟอร์ฟอร์มานซ์ไม่ดีให้เติบโตไปตามเพอร์ฟอร์ม านซ์ที่นิสสันอยากให้เขาเป็นอันนี้เป็นเรื่องสำคัญ
นิสสันจะทำงานกับดีลเลอร์อย่างไร เพื่อให้ดีลเลอร์สามารถปรับปรุงการดำเนินงานได้มากกว่า
และนี่คือ กลยุทธ์การขับเคลื่อนของนิสสัน 3 ด้าน เพื่อวางรากฐานความแข็งแกร่ง และเพื่อนำพานิสสันไปสู่เป้าหมายการเติบโต 2 ดิจิต จะเป็นอย่างไรอีก 3 ปีได้รู้กัน โปรดติดตาม