เปอโยต์ เคาะราคา 1.5 ล้าน เข้มเซอร์วิส เขย่าตลาด SUV

“เปอโยต์” ทำบิ๊กเซอร์ไพรส์ เคาะราคาเอสยูวี 2 รุ่นต่ำสุด ๆ ไล่ทุบทุกแบรนด์ในตลาด ประเดิม 3008 แค่ 1.549 ล้านบาท ส่วนรุ่น 5008 เริ่มต้น 1.749 ล้านบาท พร้อมแพ็กเกจดูแลรถนาน 3 ปี เร่งเครื่องแก้จุดอ่อนบริการหลังขาย ปูพรมเน็ตเวิร์กทั่วประเทศเสริมทัพบุคลากรช่างฝีมือพร้อมคลังอะไหล่ดูแลลูกค้า

ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด กรรมการบริหาร เปอโยต์ ประเทศไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า บริษัทได้ประกาศราคาขายรถยนต์เปอโยต์ทั้ง 2 รุ่นเรียบร้อย ซึ่งถือเป็นราคาที่แข่งขันในตลาดได้ดีมาก โดยจะเปิดขายในงานบิ๊กมอเตอร์เซล 2019 ระหว่างวันที่ 16-25 สิงหาคมนี้ที่ไบเทค ประกอบด้วยเอสยูวีรุ่น 3008 ตั้งราคาเริ่มต้น 1.549 ล้านบาท และเปอโยต์ 5008 ตั้งราคาเริ่มต้นที่ 1.749 ล้านบาท ราคาดังกล่าวรวมโปรแกรมบำรุงรักษานาน 3 ปี หรือ 60,000 กม.

ซีอีโอมาสเตอร์กรุ๊ปกล่าวอีกว่า ขณะนี้ทีมงานเปอโยต์กำลังเร่งมือ 3 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ 1.เน็ตเวิร์ก จัดตั้งโชว์รูมและศูนย์บริการให้ครอบคลุมพื้นที่ใน กทม.อย่างน้อย 4 แห่ง และ ตจว.อีก 10 แห่ง 2.เฟ้นหาบุคลากรช่างฝีมือที่มีความรู้ความสามารถร่วมงานเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง และ 3.จัดเตรียมสแปร์พาร์ตหรือคลังอะไหล่รองรับความต้องการหลังการขายอย่างครบถ้วน

“เราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เพราะที่ผ่านมาถือเป็นจุดเสียเปรียบของแบรนด์เปอโยต์เมื่อเปรียบเทียบกับแบรนด์ญี่ปุ่น ดังนั้น หากจะแข่งขันในตลาดได้ก็ต้องให้ความสำคัญด้านเซอร์วิสให้ดี นอกจากนี้ เรายังดูแลรถเก่า โดยมีบริษัทในเครือ ซึ่งสามารถซ่อมบำรุงรถยนต์ที่หมดอายุรับประกันได้ทุกยี่ห้อ”

ส่วนเป้าหมายการขายเปอโยต์มียอดขายในอาเซียนปี 2561 ที่ผ่านมา 9,000 คัน ปีนี้มีการเข้าบุกตลาดไทยเพิ่มเติม เชื่อว่าปี 2563 เปอโยต์น่าจะมียอดขายในอาเซียนมากกว่า 10,000 คัน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เปอโยต์สามารถตั้งราคาได้ต่ำมาก ๆ เนื่องจากนำเข้าจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งได้สิทธิพิเศษด้านการค้า (เอฟทีเอ) เสียภาษีนำเข้า 0% ประกอบกับช่วงนี้ค่าเงินบาทแข็ง ซึ่งการตั้งราคาต่ำเช่นนี้ กระทบรถยนต์ในประเทศหลากหลายเซ็กเมนต์ ไม่ว่าจะเป็นเอสยูวีในกลุ่มใกล้เคียงกัน เช่น ฮอนด้า ซีอาร์-วี, มาสด้า ซีเอ็กซ์-5, วอลโว่ เอ็กซ์ซี 40 หรือจะเป็นกลุ่มปิกอัพดัดแปลง ทั้งฟอร์จูนเนอร์, มิว-เอ็กซ์, ปาเจโร่สปอร์ต, เอเวอเรสต์, เทรลเบลเซอร์ หรือกระทั่งกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดใหญ่ คัมรี่, แอคคอร์ด ซึ่งระยะหลังพฤติกรรมลูกค้าหันมานิยมเซ็กเมนต์เอสยูวีมากขึ้นด้วย

ด้านนายยอร์ก บรอเยอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปอโยต์ ประเทศไทย กล่าวมั่นใจกับการกลับมาทำตลาดรถยนต์เปอโยต์ โดยเฉพาะการกำหนดราคาครั้งนี้เชื่อว่าแข่งขันได้แน่นอน และยังมีโปรแกรมบำรุงรักษา ซึ่งวอร์แรนตีให้ลูกค้า เปอโยต์ถือเป็นรถยนต์เซ็กเมนต์ใหม่ เรียกว่า “ไฮเอนด์เมนสตรีม” เป็นการหลอมรวมเทคโนโลยีล้ำสมัย อุปกรณ์ครบครัน และราคาคุ้มค่า เปอโยต์คว้ารางวัลมากมายจากทั่วโลกกว่า 30 รางวัล อาทิ รางวัลรถยุโรปยอดเยี่ยมปี 2017 “European Car of the Year”, รถใหม่ยอดเยี่ยมปี 2019 “New Car of the Year” โดย Auto Trader, แบรนด์ที่เชื่อถือได้มากสุดในปี 2019 “Most Dependable Volume Brand” โดย J.D. POWER UK Vehicle Dependability Study และเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี “International Engine of the Year Award”

นายบรอเยอร์กล่าวอีกว่า การบริการลูกค้าที่มีประสิทธิภาพ คือเป้าหมายสูงสุด โดยเปอโยต์ ประเทศไทย มีแผนขยายเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เริ่มจากผู้แทนจำหน่ายรายแรกบนถนนเกษตร-นวมินทร์ เปิดให้บริการช่วงเดือนตุลาคมปีนี้ ตามด้วยไลฟ์สไตล์โชว์รูมที่สยามพารากอนภายในเดือนเดียวกัน ขณะที่ผู้แทนจำหน่ายสาขา 2 ที่เยาวราช มีกำหนดเปิดให้บริการภายในปีนี้ ส่วนปีหน้ามีแผนที่จะขยายเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายไปสู่ต่างจังหวัด ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ

สำหรับแบรนด์เปอโยต์ อยู่ในกลุ่มพีเอสเอ เป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่ใหญ่สุดอันดับ 2 ในยุโรป กับยอดขายทั่วโลกในปี 2018 จำนวน 3,877,765 คัน มีรายได้รวม 74,000 ล้านยูโร (ประมาณ 2.59 ล้านล้านบาท)

ปัจจุบันเป็นเจ้าของ 5 แบรนด์รถยนต์ คือ เปอโยต์, ซีตรอง, ดีเอส, โอเปิล และวอกซ์ฮอลล์ รวมถึงมีบริการด้าน mobility และ smart service ภายใต้แบรนด์ Free2Move ขณะที่กลยุทธ์ “Push to Pass” แสดงถึงก้าวแรกในการมุ่งสู่เป้าหมายตามวิสัยทัศน์ เพื่อเป็นผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลก ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย และเป็นผู้นำด้านธุรกิจ mobility รวมถึงสานสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างยั่งยืน

นอกเหนือจากการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์ขับอัตโนมัติพร้อมระบบเชื่อมต่อระหว่างกัน กรุ๊ป พีเอสเอ ยังมีธุรกิจด้านการเงินผ่าน Banque PSA Finance และธุรกิจชิ้นส่วนรถยนต์ ภายใต้บริษัท Faurecia รถยนต์เปอโยต์ ปัจจุบันทำตลาดกว่า 160 ประเทศทั่วโลก มีจุดจำหน่ายกว่า 10,000 แห่ง กับยอดขายในปี 2018 กว่า 1,740,000 คัน