ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ “ลูกค้ามาสด้าไม่ใช่พวกฉาบฉวย”

ถือเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ และเป็นกำลังหลักในการช่วยขับเคลื่อนแบรนด์ “มาสด้า” ให้โลดแล่นอยู่ในตลาดบ้านเราได้อย่างสุขภาพดี และแข็งแกร่ง ด้วยความครบเครื่องทั้ง “บู๊และบุ๋น”

ไม่ว่าจะส่วนงานบริหารรัฐกิจสัมพันธ์ การตลาด การขาย เรียกว่าล้วนผ่านมือ “ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์” รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด คนนี้ทั้งสิ้น

วันนี้เขาสะท้อนภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมทั้งแผนการขับเคลื่อนตลาดของมาสด้าในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ และฉายภาพพฤติกรรมของลูกค้า ในสถานการณ์ที่ความเข้มข้นทางการเงินของกลุ่มสินเชื่อ ไฟแนนซ์ ที่เริ่มสกรีนลูกค้าไม่ต่างจากเครื่อง X-ray

Q : ภาวะตลาดครึ่งปีหลังแย่ มองเรื่องปรับเป้าไหม

สำหรับเป้าหมายยอดขายในปีนี้ อย่างน้อยเราต้องพยายามรักษายอดขายเท่าเดิม หรือใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ประกาศไว้เมื่อตอนต้นปีคือ 75,000 คัน จากปีก่อนที่ทำได้ 70,000 คัน

อย่างไรก็ตาม หากจะมีการปรับเป้าหมาย หรือตัวเลขยอดขายนั้น มาสด้าคงต้องมีการปรับตามภาพรวมของอุตสาหกรรม ซึ่งเดิมเรามองว่า ตลาดรวมปีนี้น่าจะมียอดขายอยู่ที่ 1.04-1.06 ล้านคัน

ผ่านมา 7-8 เดือน เราคาดว่าตัวเลขที่จะเป็นไปได้นั้น น่าจะอยู่ที่ 1.04 ล้านคันซึ่งเรียกว่าอยู่ในภาวะ “ทรงตัว”

Q : มีปัจจัยอะไรที่น่าห่วง หรือต้องเฝ้าระวัง

อย่างที่ทุกคนทราบดีว่า สถานการณ์อัตรา “ดอกเบี้ย” และ “ค่าเงิน” ช่วงนี้ถือว่าเป็นปัจจัยที่ไม่ปกติเท่าไรนัก โดยในช่วงครึ่งปีแรกก็มีผลกระทบจากภาวะ “สงครามการค้า” ที่ยังคงส่งผลกระทบต่อเนื่องอยู่ในขณะนี้ ทำให้เศรษฐกิจในภาพรวมไม่ค่อยสดใสเท่าที่ควร

เราอยู่ได้ด้วยอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จะเห็นว่าพอค่าเงินหยวนลดลง ก็มีปัจจัยต่อการซื้อ-ขาย การลงทุนทันที โดยเฉพาะการวางแผนการลงทุนในเรื่องของฐานการผลิต มาตรการการกีดกันต่าง ๆ

Q : ลูกค้าเข้าโชว์รูมรถยนต์ลดลงแค่ไหน

สำหรับมาสด้า เรายังไม่เจอกับสถานการณ์ดังกล่าว พฤติกรรมของลูกค้ามาสด้านั้น เมื่อเขาตัดสินใจเดินเข้ามายังโชว์รูม นั่นหมายความว่า เขาได้ตัดสินใจเพื่อเข้ามา “ซื้อ” อย่างแน่นอนแล้ว

และจากตัวเลข walk in เข้ามาซื้อรถยนต์มาสด้านั้น ถือเป็นตัวเลขที่ดีมาก ๆ ลูกค้ามีความตั้งใจเข้ามาซื้อ

Q : ปัญหาหนี้เสียเพิ่มขึ้นมากน้อยระดับใด

ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นต้นมามาสด้าได้พยายามทำงานร่วมกับตัวแทนจำหน่ายอย่างเข้มข้น รวมทั้งทำความเข้าใจและให้ความรู้อย่างต่อเนื่อง และมีการจัดทำแพ็กเกจทางการเงิน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ด้วยการออกแบบบริการทางการเงิน 4 ด้าน คือ สกาย โปรโม หรือแคมเปญโฆษณา, สกาย พลัส หรือแคมเปญคิกแบ็ก, สกาย เซฟ หรืออัตราดอกเบี้ย 0% และสกาย ฟิกซ์ หรือดอกเบี้ยแบบปกติ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า ตรงนี้ทำให้ดีลเลอร์ไม่สามารถเล่นนอกกรอบได้ ซึ่งช่วยสกรีนในเรื่องของภาวะ “หนี้เสีย” ให้ลดลง

ได้ และเราเองก็จะได้เห็นกำลังซื้อที่แท้จริงด้วย สิ่งที่เราเห็นและจับต้องได้ คือ ปัญหาหนี้เสียลดลง และลูกค้ามาสด้าจะไม่เน้นการ “ดาวน์ต่ำ” แต่สิ่งที่ลูกค้าต้องการคือ “ดอกเบี้ยต่ำ” มากกว่า เนื่องจากลูกค้าได้คำนวณค่าใช้จ่ายมาแล้วอย่างชัดเจน ลูกค้ามาสด้าไม่ใช่พวก”ฉาบฉวย” ที่ต้องการเพียงแค่ดาวน์น้อย เพื่อให้ได้รถออกไป แต่ลูกค้าของเรามีการคิดคำนวณความพร้อมมาเป็นอย่างดี

ส่วนกลุ่มลูกค้าที่มีปัญหา คือ กลุ่มปิกอัพ และมาสด้า2 แค่เพียงบางส่วนเท่านั้น ซึ่งไม่มากเท่าค่ายรถบางค่าย

Q : ยอดปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นไหม

สำหรับในภาพรวมของอุตสาหกรรมนั้นเท่าที่ได้หารือกับผู้ประกอบการค่ายต่าง ๆ พบว่า มียอดผู้ไม่ผ่านเงื่อนไขสินเชื่อเยอะขึ้นจริง แต่สำหรับมาสด้านั้นเนื่องจากรถที่เราขายส่วนใหญ่เป็นรถยนต์นั่ง และรถเอสยูวี ทำให้ค่าเฉลี่ยตรงนี้ของเราน้อย เพราะหลัก ๆ จะไปอยู่ที่รถปิกอัพและอีโคคาร์ อย่างปีนี้เราเตรียมส่ง มาสด้า3 และซีเอ็กซ์-8 ออกสู่ตลาดก็น่าจะช่วยได้ เพราะตลาดรถยนต์นั้นขับเคลื่อนด้วยรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ แบรนด์ไหนไม่มีสินค้าใหม่ก็อาจจะเงียบ ๆ

Q : มองอนาคตตลาดจะแข่งกันที่อะไร

สำหรับตลาดรถยนต์ของประเทศไทย ขณะนี้อยู่ในช่วงของการซื้อรถยนต์เพื่อทดแทน “รถคันแรก” ซึ่งมีทั้งการซื้อเพิ่ม และซื้อเพื่อทดแทน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดที่แข็งแรงแล้ว ซึ่งถ้าเราจะยืนที่ความต้องการระดับ 1 ล้านคันนั้น ต้องใช้ดีมานด์ของการซื้อทดแทน และนี่ก็เป็นการตลาดอย่างหนึ่ง ที่เน้นการ “เจาะกลุ่มผู้ซื้อ” ซึ่งมาสด้าทำมาอย่างต่อเนื่อง และจากนี้ไปก็จะเป็นการจับกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพิ่ม โดยเฉพาะในกลุ่ม 1.ลูกค้ารู้และมีประสบการณ์แล้ว 2.ลูกค้าที่มีความต้องการที่แตกต่าง

ปัจจุบันจะเห็นว่าฐานลูกค้าที่ขับเคลื่อนตลาดวันนี้เป็นกลุ่มรถปิกอัพ และรถอีโคคาร์-บีคาร์ ที่จะกลับมาซื้อเพิ่ม และเทรนด์กำลังไปสู่ “รถเอสยูวี” เช่นเดียวกับตลาดที่ “Ma Sure” แล้ว

และ “มาสด้า” เองก็โฟกัสไปที่ ซีเอ็กซ์-3, มาสด้า3 ซึ่งจะเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ของรถคันแรกที่มีความต้องการและกำลังขยับขึ้นมา