เจาะลึก มิชลิน 1,400 เส้น กับ “แชมป์โมโตจีพี”

รายงานโดย วุฒิณี ทับทอง

ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับการจัดการแข่งขันรายการ “พีทีพี ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์” ซึ่งมีการแข่งขันโมโตจีพี รถจักรยานยนต์ทางเรียบที่เร็วที่สุดในโลก และถือเป็นครั้งที่ 2 สำหรับการแข่งขันในประเทศไทย ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิตจ.บุรีรัมย์

สนามนี้ถือเป็นสนามที่ 15 ของรายการแข่งขัน ว่ากันว่าตลอดระยะเวลา 3 วันของการจัดงาน 4-6 ตุลาคมที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมชมไม่น้อยกว่า 226,655 คน เรียกว่าทำลายสถิติเดิมของสนามเมื่อปีที่แล้วได้สำเร็จ โดยเฉพาะยิ่งวันแข่งมีผู้ชมเต็มความจุสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

เป็นที่ทราบกันดีว่าการขับเคี่ยวในเรซนี้ เป็นของยอดนักบิดสแปนิช จากทีมเรปโซล ฮอนด้า มาร์ค มาร์เกซ กับนักบิดชาวฝรั่งเศสจากทีมปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที เรียกว่า ชิงดำกันในโค้งสุดท้ายก่อนที่ มาร์ค มาร์เกซ จะเฉือนผ่านธงตราหมากรุกเข้าเส้นชัย คว้าแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่ 8

การแข่งขันครั้งนี้เรียกว่า มีการทำลายสถิติเวลาต่อรอบ จากเดิมที่ “มาร์ค มาร์เกซ” ได้ทำไว้เมื่อปีที่เเล้ว 1 นาที 30.088 วินาที ได้ถูกทำลายลง โดยฟาบิโอ กวาร์ตาราโร 1 นาที 29.719 วินาที ซึ่งเบื้องหลังของการทำลายสถิติ เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่น ในการคิดค้น และพัฒนายางที่ใช้ในการแข่งขัน จากทีมงานของมิชลินเนื่องจากมิชลิน เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการในการรับหน้าเสื่อดูแลเรื่องยางที่ใช้ในการแข่งขันทั้งรายการ วันนี้ทีมมิชลินเปิดโอกาสให้เรามาเจาะลึกถึงเบื้องหลังเตรียมความพร้อมของยางที่ใช้ในการแข่งขัน จากประสบการณ์ในปีแรกที่มิชลินยังไม่มีข้อมูลของสนามแข่งในเมืองไทยมากพอ

แต่ปีนี้มิชลินเตรียมตัวมาพร้อม ด้วยการพัฒนายางที่ใช้ในการแข่งขัน สำหรับประเทศไทยและออสเตรียขึ้นมาโดยเฉพาะ ซึ่งมีการพัฒนาเนื้อยางให้มีสูตรที่แข็งขึ้น โดยเนื้อยางทั้ง 2 ข้างมีความเเตกต่างกัน เนื่องจากสนามช้างฯ จะมีโค้งขวาอยู่ 7 โค้ง โค้งซ้าย 5 โค้ง ซึ่งทำให้นักแข่งสามารถใช้ความเร็วได้มากขึ้น โดยใช้ยางหน้าเป็นแบบฮาร์ดคอมพาวนด์ ส่วนยางหลังเป็นแบบซอฟต์คอมพาวนด์

“มิชลิน” ถือเป็นค่ายยางหนึ่งเดียวที่ได้รับความไว้วางใจในการดูแลเพื่อมอบยางสมรรถนะสูงให้กับทีมแข่งทุกทีมที่เข้าแข่งขันในรายการโมโตจีพี การแข่งขันแต่ละสนาม มิชลินได้จัดเตรียมยางล้อ สำหรับใช้ในการแข่งขันจำนวนทั้งสิ้น 1,400 เส้น ขนส่งมากับตู้คอนเทนเนอร์ที่ควบคุมที่ 20 องศาเซลเซียส เพื่อคงไว้ซึ่งความสดใหม่ และประสิทธิภาพของยางไว้อย่างเต็มที่

โดยนักแข่งแต่ละคนจะได้ยางหน้า 10 เส้น ยางหลัง 13 เส้น นอกจากนี้ ยังมียางสำหรับพื้นเปียก ยางหน้า 5 เส้น ยางหลัง 6 เส้น ซึ่งมิชลินมียางทุกแบบที่ใช้สำหรับการแข่งขันไว้รองรับ โดยเฉพาะยางสลิคจะมีทั้งซอฟต์ มีเดียม และฮาร์ดคอมพาวนด์ รวมไปถึงยางสำหรับการแข่งขันในพื้นเปียกด้วย

ทั้งนี้ ยางที่ใช้ในการแข่งขันจะถูกเก็บข้อมูลจากทีมงานจำนวน 20 คน แบ่งออกเป็นช่างถอดล้อ 11 คน วิศวกรที่จะเข้าไปประจำในแต่ละทีม เพื่อให้ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการเลือกใช้ยาง 7 คน และอีก 2 คน เป็นผู้บริหารดูแลประสานงาน ทำให้มิชลินมีข้อมูลการใช้ยางของนักแข่งแต่ละคนอย่างครบถ้วน

แล้ว ทีมงานมิชลินยังได้นำผลจากการแข่งขันนี้ ส่งต่อไปยังแล็บพัฒนายางล้อ เพื่อผลิตยางรถจักรยานยนต์ที่มีประสิทธิภาพ และความปลอดภัยสูง ให้เหมาะสมกับแต่ละภูมิประเทศ และลักษณะการใช้งานให้ได้มากที่สุด


ส่วนการแข่งขันรายการโมโตจีพีในปีหน้า ที่ประเทศไทยจะจัดขึ้นในเดือน มี.ค. ซึ่งมีกระแสว่าอาจจะเป็นการแข่งขันแบบไนต์เรซ หรือขี่กันในเวลากลางคืน ที่สำคัญ “มิชลิน” จะต้องพัฒนายางล้อออกมาให้เหมาะสมกับทั้งอากาศ แต่ที่แน่นอนยางที่ใช้ในการแข่งขัน จะได้รับการพัฒนาและถ่ายทอดมาสู่มือลูกค้ามิชลินอย่างแน่นอน ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีจากสนามแข่ง สู่การใช้ในชีวิตจริง