“ฮอนด้า” โฟกัสส่วนแบ่งตลาด “ซิตี้” มาแน่ “ฟิต” รออีกพักใหญ่

ถือโอกาสในจังหวะร่วมทริปกิจกรรม A&O Journalist Meeting 2019 กับค่ายฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล ไปร่วมชมนวัตกรรมของฮอนด้า มอเตอร์ ภายใต้วิสัยทัศน์ 2030 ที่งานโตเกียว มอเตอร์โชว์ ครั้งล่าสุดที่ผ่านมา

“ประชาชาติธุรกิจ” ไม่พลาดที่จะขอนั่งอัพเดตถึงสถานการณ์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย และฮอนด้า ไทยแลนด์ กับบอสใหญ่ที่หาตัวยาก “พิทักษ์ พฤทธิสาริกร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด จะเป็นอย่างไรกับสถานการณ์ที่ “พิทักษ์” บอกว่า วันนี้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยโดนกระทุ้งทั้งหมัดซ้ายและหมัดขวา จะเป็นอย่างไรไปติดตามกัน

ตลาดรวม 9 เดือนยังโต 2%

หากจะสังเกตในช่วงครึ่งปีแรก เมื่อเทียบกับปีก่อน มีการเติบโตค่อนข้างเยอะ แต่พอช่วง 3-4 เดือนของช่วงครึ่งปีหลัง แกปของการเติบโตมันค่อย ๆ ลดลงมาเรื่อย ๆ จนวันนี้กลายเป็นติดลบแล้ว นั่นแสดงให้เห็นว่าตลาดเริ่มชะลอตัว ทำให้ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์โดยรวมมีการเติบโตที่ 2% ส่วนของฮอนด้าเองถือว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนงานที่ได้วางเอาไว้ คือ มีการการเติบโตกว่าตลาดเล็กน้อย ทำได้ 5% ตลาดเริ่มตกตั้งแต่เดือน ก.ค. 6 เดือนน่าจะบวก 7% พอ 9 เดือนนั้นบวกไปแค่ 2% นั่นหมายความว่าหายไป 5% ใน 3 เดือน ส่วนทั้งปีนั้นคาดว่ายอดขายน่าจะเกิน 1 ล้านคัน อย่างปี 2562 ที่ผ่านมา สถานการณ์ของตลาดคล้าย ๆ กัน เมื่อถึงช่วงเวลาประมาณนี้ หลายคนก็ยังมองว่ายอดขายจะถึง 1 ล้านคันหรือไม่ แต่ปรากฏว่าพอจบยอดขายไปถึง 1.04 ล้านคันได้ นั่นหมายความว่า 3 เดือนของปีก่อน ทำยอดขายได้ค่อนข้างเยอะ ดังนั้น 3 เดือนที่เหลือของปีนี้ หลายค่ายเริ่มทำโปรโมชั่น แคมเปญส่งเสริมการขายกันออกมาให้เห็นแล้ว หากจะนับจำนวนการขายเชื่อว่าน่าจะดีขึ้น เนื่องจากเป็นฤดูการขาย

แต่ถ้าถามว่าจะชนะปีแล้วได้หรือไม่นั้น ? ตอบได้เลยว่าน่าจะยาก ประเด็นอยู่ที่ว่า 9 เดือนที่โต 2% นั้น มันจะเพียงพอไปจนถึง 3 เดือนหลังหรือไม่ ถ้าเพียงพอยอดก็จะเท่าหรือใกล้เคียงปีที่แล้ว แต่เข้าใจว่าน่าจะยาก ดูจากโมเมนตัมตอนนี้ และหากเทียบแบบปีต่อปี 3 เดือนหลังถือว่ามาแรง ดังนั้นการที่จะทำให้แรงยิ่งกว่า หรือแรงเท่ากับปีที่แล้ว น่าจะยากจากสถานการณ์โดยรวมตอนนี้

เชื่อขายรถไม่เท่าปีที่แล้ว

ปีที่แล้วช่วงปลายปีก็มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ออกมากระตุ้นตลาด ปีนี้ก็มีหลายค่าย ดังนั้น ฮอนด้ามองว่าตลาดในช่วงปลายปีนี้น่าจะดีขึ้นแน่นอน แต่ถ้าเทียบกับปี 2562 มันยากที่ชนะ วันนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าถึงจุดต่ำสุดแล้วหรือยัง ? แต่มองแบบบวก ๆ ตอนนี้คือมียอดขายเท่ากับปีก่อน ถือเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุดแล้ว แต่ถ้ามองแบบ worst case ตอนนี้ 7 แสนกว่าคัน แต่เดือนตุลาคมไม่ใช่ฤดูการขาย

ดังนั้นต้องรอดูว่ารถใหม่ที่จะเปิดตัวออกสู่ตลาดนั้นจะเปิดตัวช่วงไหน หากเปิดในปลายปีเลย มันก็จะได้แค่ยอดจอง ยังไม่ได้ยอดขายหรือยอดส่งมอบ ทุกอย่างจะไปเกิดในปีหน้า ซึ่งยังมีอีกหลายปัจจัย ฟันธงโดยภาพรวมแล้ว ถือว่าไม่ง่ายนักที่จะทำให้ยอดขายรถยนต์เท่ากับปีก่อน

ฮอนด้าโตเหนือตลาด

9 เดือนผ่านไป ฮอนด้าโตขึ้น 9% ส่วนแบ่งในตลาดรถยนต์นั่งฮอนด้าเพิ่มขึ้นประมาณ 1 พอยต์ จาก 26.5% เป็น 27.5% โจทย์ของฮอนด้าคือว่า จะให้ฝืนตลาดคงฝืนไม่ได้ เพราะตลาดเป็นผลมาจากปัจจัยภายนอก สิ่งที่ฮอนด้าทำ เราพบว่าการแข่งขันมีความรุนแรงต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว แต่ทุกคนพยายามทำงานบนเงื่อนไขที่มีการแข่งขันรุนแรง ฮอนด้าปีนี้เราจะไปโฟกัสส่วนแบ่งทางการตลาดที่เราทำได้ว่าทำอย่างไร จะให้คงสัดส่วนที่ 27.5% ไว้ให้ได้

ดัชนีหลักตกทุกตัว

เศรษฐกิจโดยรวมมีทิศทางขาลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่ตลาดรถยนต์เพิ่งมีทิศทางมาในช่วง 3 เดือนหลังที่ชัดเจน ซึ่งจะเห็นว่าตลาดรถยนต์สามารถประคองตัวมาได้จนถึงกลางปีได้ค่อนข้างดี และก็ถึงจุดที่ไม่สามารถประคองได้แล้ว ตลาดรถยนต์เป็นไปตามเศรษฐกิจ ซึ่งเราสามารถประวิงไม่ให้ตลาดตามเศรษฐกิจได้ในช่วงที่ผ่านมา ดัชนีหลัก ๆ ทุกตัวที่เราดูอยู่ ทั้งเศรษฐกิจภายใน-นอกประเทศ ความเชื่อมั่นผู้บริโภค การลงทุน การส่งออก ค่าเงินบาท ฯลฯ ล้วนฟ้องว่าทุกอย่างอยู่ในช่วงขาลง นี่คือความจริง

ปรับกำลังผลิตตามสภาพตลาด

มีคนถามเยอะว่า เราลดกำลังผลิตหรือเปล่า ต้องบอกว่า ฮอนด้าปรับเปลี่ยนกำลังผลิตอยู่ตลอดเวลาในแต่ละเดือน ฮอนด้าเราสามารถทำได้ดีกว่าตลาด และใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ ดังนั้นการจะปรับการผลิตแบบที่ต้องส่งผลกระทบต่อการทำงานของพนักงานนั้น ฮอนด้ายังไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด

เปิดตัวรถรุ่นใหม่ฉลุย

สำหรับการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ วางแผนไว้อย่างไรก็ยังคงดำเนินการตามนั้น ดูจากตัวเลขครึ่งปีแรก ดูเหมือนตลาดมีความร้อนแรง แรงแบบไม่หยุด และในเร็ว ๆ นี้เราจะมีการเปิดเผยรายละเอียดของการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ส่วนตลาดที่ได้รับผลกระทบตอนนี้คือเซ็กเมนต์ไหน เรามองว่ารถยนต์ขนาดกลางและขนาดเล็กถือเป็นกลุ่มรถยนต์หลักของตลาดรถยนต์ในประเทศไทย ถ้ากำลังซื้อตรงนี้ตกลงแน่นอน ย่อมส่งผลกระทบต่อตลาดรวม เช่นเดียวกับตลาดปิกอัพที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ฟิต…ยังต้องรออีกพักใหญ่

กับคำถามว่า ฮอนด้า ฟิต จะเข้าไทยเมื่อไหร่ นายพิทักษ์นิ่งไม่ตอบ แต่ระบุว่าฮอนด้าเราโฟกัสกับรุ่นซิตี้ที่กำลังจะมาก่อน ส่วนรุ่นฟิต, แจ๊ซ ที่ตามมานั้นไม่ได้มาเร็วนัก และไม่ใช่เร็ว ๆ นี้แน่นอน

รอรัฐบาลกระตุ้นโค้งท้าย

ตลาดรถยนต์จะดีหรือไม่ดีก็ยังหวังอยู่ เพราะรัฐบาลเองก็พยายามกระตุ้นความเชื่อมั่น มีแคมเปญกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา นั่นก็น่าจะเป็นปัจจัยบวก ส่วนโครงการลงทุนใหญ่ ๆ ของภาครัฐที่ผ่านมานั้น โครงการที่ทำไปแล้วถือเป็นปัจจัยบวกที่แฝงอยู่ หักลบกลบกันแล้วมันบวกไม่พอ ซึ่งถ้าไม่มีปัจจัยบวกที่ทำอยู่ สิ่งที่เห็นก็อาจจะมากกว่านี้

ห่วงค่าเงินบาทแข็งยาว

อีกประเด็นที่ผู้ประกอบการอยากให้รัฐสนับสนุนเรื่องค่าเงินบาท เนื่องจากไทยเป็นฐานการส่งออกรถยนต์ ฐานใหญ่แห่งหนึ่งของโลกของทุก ๆ ค่ายรถยนต์ สิ่งที่จะกระทบมากสุด คือ เรื่องค่าเงินบาท ซึ่งผู้เกี่ยวข้อง รัฐบาลก็ดูอยู่ ว่าไม่ใช่ความลำบากเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ แต่รวมถึงอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ก็ต้องยอมรับว่าอะไรคือปัจจัย ซึ่งหากไม่เร่งแก้ไขย่อมส่งผลในระยะยาวแน่นอน วันนี้ฮอนด้าได้รับผลกระทบบ้าง แต่ยังอยู่ในวิสัยที่รับได้ ถ้าเงินบาทแข็งมาก ๆ และนาน ๆ จะส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยเทียบกับประเทศอื่น ๆ นั้นดรอปลงไปในภาพใหญ่

ตอนนี้ต้องบอกว่า เศรษฐกิจโลกทำให้กำลังซื้อโดยรวมนั้นหายไป ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งทำให้ต้นทุนของการส่งออกสูงขึ้น เรียกว่าตอนนี้เราโดนทั้ง “หมัดซ้าย หมัดขวา” ซึ่งถ้าเราโดนทั้ง 2 หมัดก็เหนื่อยหน่อย ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา ค่าเงินบาทไทยรู้สึกแข็งค่าเป็นอันดับ 1 หรือ 2 ของโลก และนี่คือข้อเท็จจริง