“ซูซูกิ” สู้ศึกอีโคคาร์เดือด ดันสวิฟท์รุ่นพิเศษชิงแชร์

“ซูซูกิ” แก้เกมไฟแนนซ์เข้ม เตรียมเปิดตัว “แคปทีฟไฟแนนซ์” เพิ่มอีกราย จับสวิฟท์ใส่ชุดแต่ง ชูความคุ้มค่า สู้ศึกอีโคคาร์แข่งเดือด

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าบริษัทต้องการสร้างความแตกต่าง และเพิ่มทางเลือกให้กับตลาดรถยนต์อีโคคาร์

โดยส่งรถยนต์ซูซูกิ สวิฟท์ จีแอล สปอร์ต เอดิชั่น ออกสู่ตลาด เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับลูกค้าที่สนใจรถยนต์ซูซูกิ สวิฟท์ โดยมีการติดตั้งชุดแต่งมาให้เป็นที่เรียบร้อย โดยมีการเพิ่มราคาจากรุ่นเดิมแค่ 5,000 บาท มาให้ลูกค้าได้เลือกในจำนวนจำกัด

สำหรับชุดแต่งที่เพิ่มเข้ามานั้น ได้แก่ ชุดสเกิร์ตรอบคัน สปอยเลอร์หลัง สติ๊กเกอร์ด้านข้าง และเสาอากาศแบบครีบฉลาม โดยจำหน่ายในราคา 541,000 บาท

“เราต้องการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า เพราะส่วนใหญ่ลูกค้าที่เข้ามาซื้อจะนำรถไปติดตั้งชุดแต่งจากข้างนอก ซึ่งซูซูกิต้องการอำนวยความสะดวกเช่นเดียวกับที่ทำให้ในซูซูกิ เซียส ซึ่งได้รับการตอบรับค่อนข้างดี ที่สำคัญ ลูกค้ายังได้รับการประกันเช่นเดียวกับรถที่ออกมาจากโรงงานด้วย” นายวัลลภกล่าว

ทั้งนี้จะเห็นว่าตลาดรถยนต์อีโคคาร์ในช่วงที่ผ่านมา มีการแข่งขันกันค่อนข้างดุเดือด และค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ได้แนะนำรถอีโคคาร์รุ่นใหม่ รุ่นไมเนอร์เชนจ์ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ส่วนซูซูกิเองมีนโยบายเน้นสร้างความแตกต่าง และไม่มีนโยบายการลดราคา แต่ต้องการมอบความคุ้มค่าให้กับลูกค้า บริษัทจึงได้แนะนำรถอีโคคาร์ สวิฟท์ รุ่นพิเศษออกสู่ตลาด เพื่อสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์และสินค้ามากกว่า

ส่วนสถานการณ์ของตลาดรถยนต์โดยภาพรวมนั้น ต้องยอมรับว่าหนีไม่พ้นภาวะเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในช่วงชะลอตัว แม้ว่าจะยังไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่เริ่มมีสัญญาณต่าง ๆ ให้เห็น รวมทั้งอัตราค่าเงินบาทแข็งค่าภาวะความเข้มงวดของการปล่อยสินเชื่อ กำลังซื้อที่เริ่มชะลอตัวซึ่งทำให้ช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ ผู้ประกอบการจะต้องทำงานหนักขึ้นหลังจาก 10 เดือนที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์โดยรวมอยู่ที่ 838,000 คัน โตเพียง 0.65% ทำให้เชื่อว่ายอดขายทั้งปีน่าจะอยู่ราว1.03-1.04 ล้านคัน จากก่อนหน้าที่ประเมินว่าน่าจะอยู่ที่ 1.05 ล้านคัน

แม้ว่าค่ายรถยนต์ต่าง ๆ จะส่งรถรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาแต่ต้องไม่ลืมว่ารถยนต์รุ่นใหม่ที่เปิดตัวออกสู่ตลาดนั้นจะเริ่มทยอยส่งมอบได้ราวต้นปีหน้า ซูซูกิเชื่อว่าในปี 2563 สถานการณ์ต่าง ๆ จะเริ่มดีขึ้น แต่โตจากปีนี้ไม่มาก

ส่วนปัจจัยลบที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ คือ ราคาพืชผลทางการเกษตร และภาวะหนี้เสีย ซึ่งควรต้องได้รับการแก้ไขโครงสร้าง

ขณะที่ยอดการจำหน่ายของซูซูกิในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา มียอดขายไปแล้ว20,426 คัน จากเป้าหมายในปีนี้ที่คาดว่าจะมียอดขายที่ 30,000 คัน นั่นหมายความว่ายังมียอดขายอีก 10,000 คัน ที่บริษัทจะต้องทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ ซึ่งเป็นความท้าทายและไม่ใช่เรื่องง่าย

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมแผนเพื่อขยายโอกาสและเพิ่มพันธมิตรทางการเงิน โดยอยู่ระหว่างการเจรจากับสถาบันการเงิน เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า จากเดิมที่มีพันธมิตรทางการเงินอยู่ 4 รายในปัจจุบันได้แก่ เกียรตินาคิน,กสิกรลีสซิ่ง, ธนชาต และทิสโก้ ในรูปแบบแคปทีฟไฟแนนซ์ เพื่ออำนวยความสะดวกลูกค้าซูซูกิทุกราย คาดว่าราวต้นปีหน้าจะมีความชัดเจน และสามารถประกาศข่าวดีออกมาอย่างชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง

“ก่อนหน้านี้เราเพิ่มแคปทีฟไฟแนนซ์มาให้บริการกับลูกค้าของเรา ซึ่งแต่ละไฟแนนซ์เขาก็มีความเชี่ยวชาญในกลุ่มลูกค้าที่มีความแตกต่างกัน ซึ่งตรงนี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถผ่านเกณฑ์การขอสินเชื่อได้ง่ายขึ้น เชื่อว่าลูกค้าแต่ละรายและในแต่ละพื้นที่มีความต้องการที่แตกต่างกันไปพันธมิตรจะช่วยจัดการความต้องการได้อย่างเหมาะสม ทำให้ผู้สนใจรถของเราสามารถมีความคล่องตัวเพิ่มมากขึ้น และเป็นสินเชื่อที่มีคุณภาพด้วย” นายวัลลภกล่าว