“บีเอ็มดับเบิลยู” ขน “ปลั๊ก-อินไฮบริด” ถล่มตลาดปี63

บีเอ็มดับเบิลยู เดินเครื่องปลั๊ก-อิน ไฮบริดแบบรัว ๆ หลังได้รับการส่งเสริมจากบีโอไอ ประเดิมซีรีส์ 5 และเอ็กซ์ 5 ลงตลาด ล่าสุดส่งซีรีส์ 7 เสริมทัพอีกรุ่น ปูพรมทั้งตลาดในประเทศและส่งออก

นายอเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการผลิตรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด และรถอีวี ซึ่งได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ ว่า บริษัทได้เดินตามแผนงานมาตลอดตั้งแต่ปี 2562 ที่ผ่านมา ทั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ และผลิตรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ออกขาย 3 รุ่น ได้แก่ ซีรีส์ 5, เอ็กซ์ 5 และล่าสุดคือ ซีรีส์ 7 สามารถป้อนตลาดได้ทั้งในประเทศและตลาดส่งออก

ส่วนอนาคตจะมีความเป็นไปได้จนถึงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหรืออีวีด้วยหรือไม่นั้น บริษัทไม่สามารถให้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวได้ แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงเดินหน้านโยบายในการขยายเพิ่มจำนวนสถานีชาร์จไฟฟ้าร่วมกับรัฐบาลและเอกชนอย่างต่อเนื่อง

สำหรับสถานการณ์ของตลาดรถยนต์ในปี 2562 ที่ผ่านมา แม้จะมีสถานการณ์ไม่ดีนัก โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวม แต่สำหรับบีเอ็มฯถือว่าอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ ปีนี้เชื่อว่าสภาพเศรษฐกิจโดยรวมน่าจะมีการปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม บีเอ็มดับเบิลยูไม่เคยรอให้สถานการณ์ไม่ว่าจะตลาดดีหรือไม่ บริษัทก็เตรียมแผนงานและกำหนดทิศทางการทำตลาดของตัวเองไว้แล้ว

“แผนงานเราเริ่มด้วยการประเดิมส่งรถยนต์ซีรีส์ 7 ออกสู่ตลาด ซึ่งเป็นรุ่นที่ประกอบภายในประเทศที่โรงงาน จ.ระยอง และจากนี้จะทยอยส่งรถรุ่นใหม่ ๆ ทำตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งปี”

สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 ที่เปิดตัวมี 2 รุ่น ได้แก่ 730 แอลดี เอสไดรฟ์ เอ็มสปอร์ต เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo 265 แรงม้า

และรุ่น 745 แอลอี เอ็กซ์ไดรฟ์ เอ็มสปอร์ต ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ พร้อมเทคโนโลยี BMW efficient dynamics และมอเตอร์ไฟฟ้า 290 กิโลวัตต์ ได้กำลังสูงถึง 394 แรงม้า ราคา 6.439 ล้านบาท และราคา 6.139 ล้านบาท มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ ดำ, ขาวและเทา พร้อมรับแพ็กเกจ บีเอสไอ 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร และการรับประกัน 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการขายบีเอ็มฯ ซีรีส์ 7 ระหว่างลูกค้าทั่วไปและหน่วยงานราชการ องค์กรเอกชนที่ 50/50

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าความต้องการของตลาดนี้ยังมีอีกมากโดยเฉพาะความต้องการในตลาดโลกที่เติบโตอย่างต่อเนื่องจากกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับได้พยายามนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุดสำหรับซีรีส์ 7ตลาดเอเชียมียอดขายมากกว่า 50%

โดยตลาดหลักอยู่ที่จีนถึง 45% รองลงมาเป็นอเมริกา 18% และยุโรปอีก 14% ส่วนที่เหลือเป็นประเทศอื่น ๆ รวมทั้งประเทศไทยด้วย