ผู้ผลิตรถยนต์ “บิ๊กทรี” ทั้งฟอร์ด จีเอ็ม ไครสเลอร์ ในอเมริกาวางแผนที่จะปิดโรงงานในสหรัฐอเมริกาชั่วคราว เนื่องจากไวรัสโควิด-19 กระจายไปทั่วประเทศ ทั้งนี้เพื่อป้องกัน อีกทั้งยังถูกกดดันจากสหภาพแรงงานและพนักงานที่เรียกร้อง
โดยระบุว่า ไวรัสโควิด-19 มีผู้คนมากกว่า 212,000 คนในเกือบทุกประเทศทั่วโลกได้รับผลกระทบ
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
ฟอร์ดกล่าวว่า มีแผนที่จะปิดโรงงานในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก หลังเร็ว ๆ นี้ไปจนถึงวันที่ 30 มีนาคม
“เรากำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้นำสหภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยูไนเต็ดออโตเวิร์คส เพื่อหาวิธีที่จะช่วยให้พนักงานของเรามีสุขภาพดีและปลอดภัย แม้ในขณะที่เรามองหาโซลูชั่นสำหรับการให้บริการยานยนต์ที่ลูกค้าต้องการ” Kumar Galhotra ประธานฟอร์ดแห่งอเมริกาเหนือกล่าว
ขณะที่ เฟียต ไครสเลอร์ กล่าวว่า จะยุติการดำเนินงานที่โรงงานทั่วอเมริกาเหนือ ตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม และจะประเมินสถานการณ์ในตอนท้ายของการหายไปอีกครั้ง
ตามข้อมูลของยูไนเต็ดออโตเวิร์คส ระบุว่า การปิดโรงงานจะส่งผลกระทบต่อ 25 โรงงาน และสหภาพแรงงาน 150,000 คน โดยจีเอ็มมี 11 โรงงาน ฟอร์ด 8 โรงงาน และเฟียต ไครสเลอร์ 6 โรงงาน
ทั้งนี้มีรายงานว่า “ไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการผลิตรถยนต์ทั่วโลกลดลงถึง 16% ในปี 2020 โดยมีสาเหตุมาจากยอดขายในสหรัฐลดลง 20% โดยความท้าทายที่ยิ่งใหญ่กว่า คือเมื่อประเทศผ่านพ้นการแพร่ระบาดที่เลวร้ายที่สุด แล้วผู้ผลิตรถยนต์จะต้องเตรียมพร้อมที่จะกลับมาเดินหน้าผลิตได้อย่างรวดเร็ว เพื่อใช้ประโยชน์จากความต้องการของผู้บริโภค”
ปัจจุบันไวรัสโควิด-19 ติดเชื้อมากกว่า 212,000 คนทั่วโลก และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8,000 คน จากข้อมูลของ มหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ ในสหรัฐอเมริกามีผู้ติดเชื้อมากกว่า 9,400 คน และเสียชีวิตอย่างน้อย 114 คน