“ฮอนด้า” ยันกอดแชมป์รถเก๋ง โควิดไม่กระทบแผนคลอดรถใหม่เชื่อ 3 ปีฟื้น

ฮอนด้าฟันธงทั้งเศรษฐกิจและอุตฯรถยนต์ฟื้นตัวต้องใช้เวลา 2-3 ปี ประเมินขายที่ 6.8 แสน ระบุเก๋งร่วงหนัก แต่ยังครองเบอร์หนึ่งกอดแชร์ 30% ลั่นโควิดไม่กระทบแผนรถใหม่ เผยยอดมอเตอร์โชว์ดีเกินคาด ดูดลูกค้าเข้าโชว์รูม


นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงคาดการณ์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วงครึ่งปีหลังว่า ฮอนด้าประเมินภาพรวมของตลาดในปีนี้ว่า น่าจะมียอดรวมทั้งหมด 680,000 คัน ลดลง 32% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่รถยนต์นั่งลดลงไป 35% หรือขายราว 304,000 คัน

ส่วนของฮอนด้าเองประเมินว่า ทั้งปีจะมียอดขายอยู่ที่ 95,000 คัน มียอดขายลดลง 25% และมีส่วนแบ่งตลาด 30% โดยจะสามารถครองความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์นั่งเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น แม้ว่าจะเป็นยอดขายที่ต่ำกว่า 100,000 คัน นับตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา รวมถึงครึ่งปีแรก ฮอนด้าก็สามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่ง 29.2% ของตลาดรถยนต์นั่ง ทำยอดขายได้ 41,326 คัน ลดลง 36.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ทำได้ 64,699 คัน ขณะที่ตลาดรถยนต์โดยรวมครึ่งปีแรก 325,773 คัน ลดลง 38.7%

“ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าจะเริ่มคลี่คลายแล้ว แต่ยังไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ เนื่องจากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อทั่วโลกยังคงไม่ถึงจุดต่ำสุด และยังต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่าจะมีการแพร่ระบาดระลอกสองหรือไม่ โดยเฉพาะในต่างประเทศ”

ส่วนประเทศไทย แม้ว่าสถานการณ์จะเริ่มนิ่งแต่ยังต้องเฝ้าระวัง และจับตาถึงผลกระทบต่อเนื่องที่จะส่งผลต่อไปยังเศรษฐกิจโดยรวม เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออก และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นหลัก หากปัจจัยทั้ง 2 ตัวนี้ รวมกับมีจีดีพีเกินกว่าครึ่งหนึ่งประกอบกับการประเมินของแบงก์ชาติที่คาดว่าจีดีพีจะติดลบ 8.1%”ในช่วงที่ผ่านมา ดีมานด์ช็อกคนจะซื้อรถหยุดทันที สิ่งที่ตามมาคือ สต๊อก ซึ่งฮอนด้าได้ปรับตัวก่อน ประกาศหยุดไลน์ผลิตรถยนต์สำเร็จรูปทันที เพื่อเคลียร์สต๊อกและให้ดีลเลอร์สามารถแลกเปลี่ยนรถกันได้ เพื่อบริหารจัดการสภาพคล่องต่าง ๆ จนวันนี้ทุกอย่างเริ่มกลับเข้าที่เข้าทาง”

นายพิทักษ์ยังคาดการณ์ต่อไปว่า สภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยจะไม่ฟื้นเป็นลักษณะตัว “วี” แต่จะขึ้นเป็นเครื่องหมาย “ถูก” แต่ทั้งนี้อาจจะต้องใช้เวลา 2-3 ปี เช่นเดียวกันกับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่จะต้องสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับเศรษฐกิจโดยรวม

สำหรับงานบางกอก มอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา ฮอนด้ามียอดจองทั้งสิ้น 2,001 คัน ซึ่งถือว่าดีกว่าแผนที่วางไว้ และปรากฏว่ายังได้ยอดจองจากดีลเลอร์ต่าง ๆ ทั่วประเทศเข้ามาเพิ่มมากกว่าปกติ จากลูกค้าที่ต้องดิ้นรนเข้ามาร่วมงานในส่วนกลาง และบริษัทได้ให้ดีลเลอร์ทั่วประเทศประชาสัมพันธ์ ถึงเงื่อนไขและการมอบโปรโมชั่นให้เหมือนกับในงานมอเตอร์โชว์

ส่วนแผนงานในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทมีแผนจะแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดควบคู่ไปกับการขยายเครือข่ายการจัดจำหน่ายในบางพื้นที่ นอกจากนี้ยังใช้ 3 กลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจ

ได้แก่ 1.ด้านการขายและการตลาดด้วยการเพิ่มความเข้มข้นโดยการใช้ข้อมูลมาวิเคราะห์ (บิ๊กดาต้า) มาใช้ทำการตลาดออนไลน์ รวมถึงการยกระดับรูปแบบการจัดกิจกรรมออนไลน์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภค 2.ด้านบริการหลังการขาย พัฒนาการให้บริการเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกค้าแบบ new normal มากยิ่งขึ้น เช่น ระบบจองคิวออนไลน์ เพิ่มประสิทธิภาพการบริการให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น รวมถึงการบริการช่วยเหลือนอกสถานที่ 24 ชั่วโมง

3.ด้าน digital transformation ฮอนด้าได้เริ่ม blockchain innovation technology (BIT) เพื่อรองรับ big data และการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยจัดตั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่เพื่อพัฒนาและทดลองการทำงานแบบไร้รอยต่อ ซึ่งในช่วงแรกจะเริ่มใช้กับกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) และจะนำไปประยุกต์ใช้กับงานส่วนอื่น ๆ ของฮอนด้าต่อไปในอนาคต