ลามิน่า ฝังชิปดีลเลอร์มัดลูกค้า ชู 5 วิธีโตสวนตลาด-แตกไลน์เสริมรายได้

“ลามิน่า” ปรับกลยุทธ์รับมือโควิด ชู 5 กลยุทธ์ทางการตลาดสู่ความสำเร็จ ผนึกดีลเลอร์เพิ่มความแข็งแกร่งรับมือพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน มั่นใจทั้งปีโกยรายได้ 680 ล้านบาท ยันผลประกอบการโตเหนือตลาด ครองความเป็นผู้นำตลาดมูลค่า 1.2 พันล้านต่อเนื่อง

นางสาวจันทร์นภา สายสมร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทคโนเซล (เฟร์ย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์และอาคาร “ลามิน่า” เปิดเผยถึงผลประกอบการในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ว่า บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจโดยมีประสิทธิภาพ และผลประกอบการโตเหนือกว่าตลาดฟิล์มกรองแสงโดยรวม โดยมีผลประกอบการไปแล้ว 510 ล้านบาท โตสวนกระแสจากตลาดโดยรวมถึง 10% แม้ว่าตลาดฟิล์มกรองแสงโดยรวมในช่วงที่ผ่านมาหดตัว 30-35%

“เรายังมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 33% และคาดการณ์ว่าปีนี้จะมียอดขายใกล้เคียงปีก่อนที่ 680 ล้านบาท ขณะที่ความต้องการของตลาดฟิล์มกรองแสงโดยรวมปีนี้จะอยู่ราว 1,100-1,200 ล้านบาทจากเดิมมีราว ๆ 1,600 ล้านบาท เป็นไปตามตลาดรถยนต์ที่คาดว่าปีนี้จะมียอดขายรถใหม่ป้ายแดงอยู่ราว 600,000-650,000 คัน ลดลง 35% ขณะที่ลามิน่าคาดว่าทั้งปีจะมียอดขายลดลงน้อยกว่าตลาดที่ 10% เท่านั้น”

ขณะที่สัดส่วนการจำหน่ายปีนี้มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย จากเดิมที่รถใหม่ป้ายแดงจะมีการติดฟิล์มสูงถึง 80% รถใช้แล้ว 20% ปัจจุบันสัดส่วนเปลี่ยนเป็น รถป้ายแดง 65% รถใช้แล้ว 35% ซึ่งเป็นผลมาจากลูกค้าปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและยืดอายุการใช้งานรถคันเดิมออกไป บวกกับรถใหม่ป้ายแดงมียอดขายลดลงด้วย

“รายได้หลักเรายังอยู่ที่ฟิล์มติดรถยนต์ 95% ที่เหลือจะเป็นสินค้าอื่น ๆ โดยที่ผ่านมาเรามียอดขายตกลงฮวบแค่เดือนเดียวคือในช่วงเดือนเมษายนที่ช่วงโควิดกำลังแพร่ระบาด แต่หลังจากนั้นสถานการณ์ทุกอย่างเริ่มกลับมาดีขึ้น ลามิน่าเราสามารถรักษามาร์เก็ตแชร์ของเรา เป็นอันดับหนึ่งที่ 33% ได้อย่างต่อเนื่อง และห่างจากคู่แข่งที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 20% เท่านั้น ซึ่งตลาดฟิล์มกรองแสงที่ผ่านมามีทิศทางเป็นไปตามสภาพตลาดรถยนต์”

สำหรับปัจจัยที่ทำให้ลามิน่ามีผลการดำเนินธุรกิจโตเหนือตลาดนั้น สิ่งสำคัญคือการมีเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่เข้มแข็ง โดยเฉพาะการก้าวผ่านสถานการณ์โควิดนั้น บริษัทได้ปรับแผนการตลาด โดยนำ 5 กลยุทธ์ทางการตลาดรูปแบบใหม่มาใช้เพื่อเข้าถึงและมัดใจกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ได้แก่

1.soul marketing หรือการทำตลาดแบบเข้าถึงจิตวิญญาณไม่ใช่แค่ผิวเผิน เพราะตลอดระยะเวลา 25 ปีของการทำตลาดไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะทำให้ลูกค้าเชื่อว่า ลามิน่าห่วงใยเขาจริง ๆ สำหรับตลาดฟิล์มกรองแสงวันนี้ไม่มีความจำเป็นจะต้องมานั่งสื่อสารเรื่องลดความร้อนกันแล้ว

2.shadow marketing หรือการตลาดแบบเงา ลามิน่าใช้วิธีการให้ความรู้สึก สร้างความผูกพันระหว่างบริษัทกับลูกค้าผ่านกิจกรรมต่าง ๆ

3.simulated marketing การตลาดเสมือน ด้วยการทำแบบจำลองการติดฟิล์มกับรถสีต่าง ๆ ทุกอย่างใกล้เคียงความจริงมากที่สุด

4.synergy marketing การตลาดความร่วมมือ โดยลามิน่าได้จับมือกับพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่ง โดยทั้ง 2 ฝ่ายสามารถนำจุดแข็งมาใช้ร่วมกันได้ อย่างเช่น ปั๊มพีที เอสซีจี ทรู เพื่อส่งมอบโปรโมชั่นที่ดี

และ 5.standardless marketing การตลาดไร้กระบวนท่า แล้วแต่ความคิดสร้างสรรค์ ไม่มีข้อจำกัดทางการทำงาน

ทั้งนี้ บริษัทได้เพิ่มความเข้มข้นของกลยุทธ์ทางการตลาดทั้ง 5 ด้าน เพื่อรับมือกับสถานการณ์ในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับสภาพตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยพยายามเพิ่มทักษะให้กับผู้แทนจำหน่ายในหลากหลายด้าน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทั้งการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าในเชิงเศรษฐศาสตร์ต้องคุ้มค่า, ความคิดสร้างสรรค์ คิดนอกกรอบและการเข้าถึงสังคมดิจิทัล ลามิน่ามีการประชุมช่วงโควิดออนไลน์และที่ผ่านมา บนสถานการณ์ของโควิด-19 ทำให้ทุกอย่างต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว และกลยุทธ์ดังกล่าวก็ทำให้ลามิน่ามียอดขายโตเหนือกว่าตลาดฟิล์มกรองแสงนั่นเอง

ล่าสุดบริษัทได้แนะนำฟิล์มกรองแสง “ลามิน่า ดิจิทัล ซีเอ็ม ซีรีส์” ออกสู่ตลาด ซึ่งเป็นฟิล์มที่ไม่รบกวนสัญญาณต่าง ๆ มีความทนทาน กันความร้อนได้ดี โดยมีราคาจำหน่ายเริ่มที่ 10,000-30,000 บาท


ขณะที่การขยายเครือข่ายการจัดจำหน่าย ปัจจุบันลามิน่ามีตัวแทนจำหน่ายอยู่ 700 แห่งทั่วประเทศ ลามิน่าเอ็กซ์คลูซีฟช็อป 60 แห่ง ซึ่งบริษัทจะพยายามเน้นสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวแทนจำหน่ายช่วยเหลือดีลเลอร์ในการปรับพอร์ตธุรกิจโดยเฉพาะกลุ่มพวกร้านประดับยนต์ที่ปัจจุบันรายได้หลักมาจากการติดฟิล์มกรองแสง โดยได้เพิ่มไลน์สินค้าในพอร์ตให้กับตัวแทนจำหน่าย ทั้งผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์ “แอลลักซ์”, ผลิตภัณฑ์ธูเล่ รวมทั้งการเปิดธุรกิจล้างตู้แอร์เพื่อเพิ่มช่องทางและโอกาสที่หลากหลายให้กับผู้แทนจำหน่ายด้วย