“นิสสัน รี-ลีฟ” รถอีวีต้นแบบ แหล่งพลังงานเคลื่อนที่

นิสสันเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 100% สำหรับงานช่วยเหลือฉุกเฉิน ที่ถูกออกแบบขึ้นเพื่อเป็นแหล่งพลังงานเคลื่อนที่ยามเมื่อเกิดภัยพิบัติหรือสภาพอากาศร้ายแรง นิสสัน รี-ลีฟ (RE-LEAF) รถยนต์ต้นแบบที่ใช้งานได้จริง ถูกพัฒนามาจากรถยนต์นิสสัน ลีฟ รถยนต์ไฟฟ้าที่จำหน่ายสำหรับตลาดมวลชนรุ่นแรกของโลก

นิสสัน รี-ลีฟ เพิ่มสมรรถนะให้สามารถลุยไปได้ทุกอุปสรรค เช่น พื้นที่ที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ด้านนอกของรถติดตั้งชุดเชื่อมต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าขนาด 110-230 โวลต์ จากแบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออนประสิทธิภาพสูงของนิสสัน ลีฟ

รี-ลีฟสามารถขับไปยังพื้นที่ศูนย์กลางของภัยพิบัติ และใช้เป็นแหล่งพลังงานเคลื่อนที่สำหรับการกู้ภัยด้วยการจัดการพลังงานแบบบูรณาการ ทำให้สามารถให้พลังงานไฟฟ้ากับอุปกรณ์ทางการแพทย์ ระบบสื่อสาร ไฟส่องสว่าง ระบบทำความร้อน และเครื่องมือช่วยชีวิตอื่น ๆ

ภัยพิบัติทางธรรมชาติคือสาเหตุหลักของไฟฟ้าดับ เมื่อมีภัยพิบัติเกิดขึ้น ไฟฟ้าจะกลับมาใช้งานได้ภายใน 24-48 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความระดับความเสียหาย ในระหว่างนี้เราสามารถใช้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นแหล่งพลังงานแบบไร้มลพิษได้

รี-ลีฟใช้ความสามารถในการชาร์จแบบสองทางของลีฟ ซึ่งเป็นคุณสมบัติมาตรฐานที่มากับตัวรถตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี 2010 โดยไม่เพียงแต่ลีฟจะสามารถ “ดึง” พลังงานออกมาชาร์จแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงแต่ยังสามารถ “ป้อนพลังงาน” กลับไปยังระบบโครงข่าย หรือ grid ผ่านเทคโนโลยี V2G (vehicle-to-grid) หรือส่งไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยตรงผ่านระบบ V2X (vehicle-to-everything)

นิสสัน ลีฟ อีพลัส (LEAF e+) สามารถเป็นสถานีพลังงานไฟฟ้าเคลื่อนที่ โดยเมื่อชาร์จเต็มสู่แบตเตอรี่ขนาดความจุไฟฟ้า 62 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง (kWh) จะสามารถให้พลังงานแก่บ้านหนึ่งหลังในทวีปยุโรปได้ถึงหกวันและเมื่อไฟฟ้ากลับมาใช้งานได้ตามปกติ เราก็สามารถชาร์จไฟกลับสู่ตัวรถใช้สำหรับการเดินทางแบบไร้มลพิษ ซึ่งนิสสัน ลีฟ อีพลัสสามารถวิ่งได้ถึง 385 กิโลเมตรต่อการชาร์จเพียงหนึ่งครั้ง

“รถยนต์ไฟฟ้ากำลังกลายเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่จะเข้ามาช่วยให้การฟื้นตัวหลังเกิดภัยพิบัติมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” เพอร์รี่กล่าว “การเตรียมรถยนต์ไฟฟ้าไว้หลายพันคัน ไม่ว่าจะเพื่อช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติ หรือเชื่อมต่อกับโครงข่ายยานพาหนะไฟฟ้าสู่ระบบโครงข่าย หรือ V2G จะสร้างโรงไฟฟ้าแบบเสมือนจริงเพื่อรักษาอุปทานของพลังงานไฟฟ้าได้”