ชาริช โฮลดิ้ง เปิดตัว ไฮเปอร์คาร์ สัญชาติสวีดิชแบรนด์ “เคอนิกเส็กก์” พร้อมเปิดตัวรุ่น Gemera ขายราคา 3 ล้านยูโร หรือ 108 ล้านบาท ยั่วใจเศรษฐีเมืองไทย
นายอภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการ บริษัท เจเนอร์รัล ออโต้ ซัพพลาย จำกัด (ในเครือชาริช โฮลดิ้ง) เปิดเผยว่า เมื่อ Koenigsegg Automotive AB (เคอนิกเส็กก์ ออโตโมทีฟ เอบี) ประกาศแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายไฮเปอร์คาร์ เคอนิกเส็กก์ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย
- บัตรเครดิตซิตี้ ย้ายไป UOB บัตรประเภทไหน เปลี่ยนแปลงอย่างไร
- คำแนะนำจาก ซีอีโอ “ฮั่วเซ่งเฮง” ยุคทอง (โคตร) แพง ต้องลงทุนอย่างไร ?
- Q1 “ITD” สะเทือน 4 แบงก์ใหญ่ ส่อตั้งสำรองเพิ่ม-กำไรหด
และบริษัทได้นำรถไฮเปอร์คาร์ ของเคอนิกเส็กก์ 2 รุ่นใหม่มาอวดโฉมให้ลูกค้าชาวไทยได้สัมผัส
ได้แก่ Koenigsegg Gemera ราคา 3 ล้านยูโร หรือ ประมาณ 108 ล้านบาท ซึ่งทั่วโลกมีรุ่นนี้เพียง 300 คันเท่านั้น ส่วนประเทศไทยได้โควตามา 4 คัน โดยขณะนี้มีเจ้าของไปแล้ว 1 คัน โดยรถรุ่นนี้จะเริ่มผลิตในปี 2566 (2022) และส่งมอบได้ราวไตรมาสแรกของปี 2568 (2024)
ส่วนรุ่น Koenigsegg Jesko Absolut ไฮเปอร์คาร์ที่เร็วและแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Koenigsegg ผลิตเพียง 125 คันทั่วโลก และมีเจ้าของไปหมดแล้ว
ด้าน นายศักดิ์ นานา กรรมการ กล่าวว่า สำหรับ Koenigsegg Gemera ถูกออกแบบมาตอบโจทย์ทุกการใช้งานอย่างแท้จริง เป็นรถ 4 ที่นั่ง และยังสามารถเก็บกระเป๋าสัมภาระได้ถึง 4 ใบ ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ เทอร์โบคู่ ขนาด 2.0 ลิตร ที่มีชื่อเรียกว่า “Tiny Friendly Giant (TFG)” มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 3 มอเตอร์ ให้กำลังสูงสุด 1,700 แรงม้า ส่วนแรงบิดสูงสุดที่ 3,500 นิวตันเมตร มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 1.9 วินาทีเท่านั้น
Koenigsegg Gemera ยังสามารถขับเคลื่อนได้ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 300 กม./ชม. ในระยะทาง 50 กม. เมื่อต้องการเดินทางโดยปราศจากมลพิษ หรือสามารถขับเคลื่อนในรูปแบบไฮบริด และยังสามารถรองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E85 ได้หากต้องใช้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนเพื่อเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูงสุดมีระยะทางวิ่งได้สุดถึง 950 กม.
ส่วน Koenigsegg Jesko Absolut ใช้เครื่องยนต์เบนซิน วี8 เทอร์โบคู่ ขนาด 5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 1,280 แรงม้า และสามารถลากรอบไปได้ถึง 8,500 รอบต่อนาที ใช้เกียร์ที่พัฒนาและผลิตโดย Koenigsegg เองเป็นแบบ 9 สปีดที่เรียกว่า “Light Speed Transmission (LST)” ซึ่งมาพร้อมกับระบบ “Ultimate Power On Demand (UPOD)” ที่ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์สามารถตอบสนองได้ใกล้เคียงความเร็วของแสง พร้อมทั้งยังมีขนาดที่เล็กและน้ำหนักเบาเพียง 90 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งรถคันนี้ได้ถูกจับจองไปหมดแล้ว จากจำนวน 125 คันทั่วโลก ราคาคันละ 350 ล้านบาท