“ซูบารุ” เร่งสางปัญหาตัดราคา เพิ่มมาร์จิ้นเข้มคุณภาพงานขาย-บริการ

ซูบารุปรับกลยุทธ์ธุรกิจ ชูนโยบายเพิ่มมาร์จิ้น เสริมความคล่องตัวให้ดีลเลอร์แก้ปัญหาตัดราคาขาย งัดกลยุทธ์แบกสต๊อกแทน รื้อใหญ่งานหลังการขาย สร้างมาตรฐานเพิ่ม เชื่อดันยอดปีนี้แตะ 3 พันคัน

นายตวัน คำฤทธิ์ ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปีหน้าวางแผนงานเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับองค์กรและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ภายใต้กลยุทธ์หลัก 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการขาย, การบริหารจัดการสต๊อก และ บริการหลังการขาย หลังจากช่วงที่ผ่านมา บริษัททดลองดำเนินการและถือว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการบริหารจัดการด้านสต๊อก จากเดิมที่ผู้แทนจำหน่ายจะเป็นผู้รับสต๊อกไว้อย่างน้อย 1.5-2 เดือน แต่หลังจากสถานการณ์โควิดทำให้บริษัทปรับกลยุทธ์ใหม่ โดยบริษัทจะเป็นผู้ถือสต๊อกและแบกรับต้นทุนดังกล่าวเอาไว้เอง เพื่อให้ดีลเลอร์มีความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจมากที่สุด และเป็นการปรับสมดุลโดยอัตโนมัติในเรื่องของราคาจำหน่าย

“เราได้ไอเดียนี้มาในช่วงโควิดซึ่งเราพยายามหาทางช่วยดีลเลอร์และพบว่าวิธีดังกล่าวถือเป็นวิธีที่ดี ลูกค้าก็ไม่ต้องกังวล โดยกระบวนการเมื่อลูกค้าสั่งรถจากดีลเลอร์แล้วเราจะใช้ระยะเวลาอย่างเร็วสุด 14 วันในการส่งมอบรถให้กับลูกค้าซึ่งถือว่าค่อนข้างเร็วมาก”

และแน่นอนว่าเมื่อมีการจัดการด้านสต๊อกแล้วบริษัทเชื่อว่าน่าจะส่งผลดีต่อการทำราคาจำหน่ายรถยนต์ของซูบารุ และปัญหาเรื่องของการลดราคา หรือการตัดราคาระหว่างดีลเลอร์ด้วยกันจะค่อย ๆ หมดไปในที่สุด

นอกจากงานบริการหลังการขายนั้น นายตวันกล่าวว่า บริษัทจะเดินหน้าพัฒนาบุคลากร และเครื่องมือมาตรฐานในทุกโชว์รูมและศูนย์บริการรถยนต์ซูบารุทุกแห่งให้ได้ตามเกณฑ์ที่บริษัทแม่กำหนด

“สิ่งที่เกิดขึ้นในปีนี้คือปรับตัวให้ บริษัทและตัวแทนจำหน่ายสามารถอยู่รอดได้ในช่วงวิกฤตโควิด เราจึงได้ปรับกลยุทธ์มาอย่างต่อเนื่อง และปีหน้าจะเป็นปีที่เราเดินหน้าในเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจัง ซึ่งจะมีความชัดเจนและรายละเอียดที่เป็นรูปธรรมออกมาอีกครึ่งหนึ่ง ดังนั้น ต่อไปการขายตัดราคากันจะไม่มีให้เห็น
และดีลเลอร์จะต้องอยู่ได้และมีกำไรเพิ่มขึ้นด้วย”

นายตวันยังกล่าวถึงแผนการขยายเครือข่ายการจำหน่ายจากปัจจุบันที่มีอยู่ 37 แห่งทั่วประเทศจากตัวแทนจำหน่าย 34 ราย โดยภายในปีนี้จะเพิ่มโชว์รูมและศูนย์บริการอีก 2 แห่ง ได้แก่ จ.ลพบุรี และสุราษฎร์ธานี และทำให้ซูบารุมีโชว์รูม 39 แห่ง

ส่วนปีหน้าจะเพิ่มโชว์รูมและศูนย์บริการอีก 2 แห่ง ได้แก่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ 1 แห่ง และจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีก 1 แห่ง

ขณะที่เป้าหมายยอดขายในปีนี้คาดว่าจะมียอดขาย 3,000 คัน ลดลง 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนแบ่งเป็น รุ่นเอ็กซ์วี 30% ฟอร์เรสเตอร์ 65% รุ่นนำเข้าอีก 5%

“ปีหน้า 3,000 คันทำได้แน่นอน สำหรับสัดส่วนการขายจะปรับเล็กน้อย โดย รุ่นเอ็กซ์วีจะลดลงเหลือ 25% ฟอเรสเตอร์ 70% รุ่นนำเข้าอีก 5% ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความนิยมของลูกค้าที่มองว่ารถฟอเรสเตอร์มีความคุ้มค่าต่อความปลอดภัยที่มากกว่านั่นเอง”