กฤษฎา ล่ำซำ “รถออดี้ไม่ลองไม่รู้…ถ้าได้ลอง…ซื้อแน่”

ปี 2563 ถือเป็นปีที่ยาก…และท้าทายอย่างมากสำหรับ อาวดี้ ประเทศไทย

นี่คือ ถ้อยคำบอกเล่าของแม่ทัพใหญ่อย่าง “กฤษฎา ล่ำซำ” ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร อาวดี้ ประเทศไทย ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ “ออดี้” ในบ้านเรา แต่อะไรที่ทำให้อาวดี้ ประเทศไทยสามารถก้าวผ่านอุปสรรคต่าง ๆ มาได้ด้วยความมุ่งมั่น และเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กร รวมทั้งได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรที่หลากหลาย

ทำให้อาวดี้สามารถประคองสถานการณ์และมียอดขายเพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่ผ่านมาได้ถึง 12% ลองไปติดตามกัน

เสิร์ฟทุกเมนูที่ลูกค้าต้องการ

สิ่งแรกที่ผมทำ คือ กลยุทธ์ที่ได้ ทำมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562 ที่ผ่านมาคือการ “เขย่าพอร์ต” เพื่อให้เกิดรายได้ และผมอยากให้รถออดี้เป็นรถที่สามารถจับต้องได้ง่าย มีความคุ้มค่า ซื้อง่ายขายคล่องมากขึ้น

เราต้องการเป็น “รถหรูนำเข้า คุณภาพดี สวย แต่ซื้อไหว” ทำให้เราตัดสินใจขยับพอร์ต

อย่างปี 2563 ที่ผ่านมามีการแนะนำรถใหม่ ๆ เข้ามาทำตลาด ทั้งโดยมองหารถที่ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทเข้ามา ซึ่งอาวดี้เราทำได้ Q7 A5 Q3 และอี-ตรอน สปอร์ตแบ็ก และ RS, TT เราสามารถนำซูเปอร์คาร์มานำเสนอในราคาซูเปอร์ถูก สามารถจับต้องได้ นั่นคือสิ่งที่อาวดี้ ประเทศไทยพยายามทำมาอย่างต่อเนื่อง และนี่คือกลยุทธ์ที่ได้ประกาศออกไป นี่คือสิ่งแรกที่เราไม่ได้เปลี่ยนแปลง และสอดคล้องกับสถานการณ์พอดี

ย้อนกลับไปเมื่อครั้งเปิดตัว อาวดี้ ประเทศไทย เรามีรถ 11 body type 19 รุ่นย่อย วันนี้เรามี 9 body type รวม 30 รุ่นย่อย ดังนั้น ทำให้เรามีความหลากหลายที่นำเสนอให้ลูกค้า

เราเล็กจริง…แต่เรามีรถนำเสนอให้ลูกค้าครบทุกเซ็กเมนต์ ซูเปอร์คาร์ก็มาแล้ว

เข้มบริการหลังการขาย

เราให้ความสำคัญในเรื่องนี้รวมทั้งการสร้างคนที่มีฝีมือ ปัจจุบันมีเซอร์ติฟายเทรนเนอร์ในประเทศไทย 2 คนที่จะค่อยพัฒนาบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง มีเครื่องไม้เครื่องมือและอะไหล่ที่เพียบพร้อม บวกกับ “ราคายุติธรรม”

เราไม่ฟันใคร ราคาอะไหล่เราต้องเทียบเคียงกับคู่แข่ง นี่คือสิ่งที่อาวดี้ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผมภูมิใจ…และดีใจมากว่า เพราะเรื่องนี้คือ “กลยุทธ์แรก” ของอาวดี้ ประเทศไทย วันนี้จำนวนเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับบริการหลังการขายแทบจะไม่มีและต่ำมาก

แต่สิ่งสำคัญที่ช่วยผลักดันให้อาวดี้เดินหน้าในช่วงโควิดที่ผ่านมา แม้ว่าเราจะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่สิ่งที่เราทำคือ “อาวดี้ ประเทศไทยเราไม่หยุด…” ทุกคนอยู่บ้านแต่อินเทอร์เน็ตออนไลน์ก็ไม่ได้หยุด

ตอนนั้นเราออกแคมเปญมาต่อเนื่องในช่วงโควิด มีแคมเปญตลอดและมั่นใจว่าคนที่เล่นมือถือจะต้องเห็นแคมเปญของเรา

และทีมอาวดี้ ประเทศไทยทำงานหนักมาก ทำให้เเคมเปญต่าง ๆ ออกมาต่อเนื่องเพื่อออฟเฟอร์ลูกค้าอย่างไม่หยุด ตลอดมาเราทำงานหนักมากและสื่อสารกันมาต่อเนื่องในช่วง 4 เดือนแรก พอเดือนที่ 5 ปลดล็อกดาวน์เราเปิดตัว A5 ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากออดี้ เอจี ทำให้ลูกค้าหันมาสนใจ เป็นการจุดประกายที่ “ลงตัว”

อยากให้มีรถออดี้วิ่งเต็มถนน

ผมเคยพูดว่า “รถออดี้ไม่ลองไม่รู้…” เมื่อตอนเราเริ่มทำตลาดใหม่ ๆ

ปัจจุบันนี้เมื่อมีคนลองเข้ามาเยอะ ๆ แล้ว เราไปดูสถิติยอดจอง ยอดขาย ยอดส่งมอบในปัจจุบัน

วันนี้พบ 50% เป็นลูกค้าเก่าแนะนำมา หรือเป็นกลุ่มลูกค้าเดิมกลับมาซื้อซ้ำ

วันนี้ชัดเจนว่า ถ้าลองแล้วรู้ ซื้อแน่…

คนที่ซื้อไปแล้ว เขาก็ไปแนะนำต่อ หรือคนที่ซื้อไปแล้ว แล้วอยากได้รถคันที่ 2 เขาก็มาซื้อออดี้

ใช้แรงหนุนจากพันธมิตรหลัก

อาวดี้ ประเทศไทย ตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา และยิ่งในช่วง “โควิด” เราได้รับการสนับสนุนอย่างมากเลยจากบริษัทแม่ออดี้ เอจี ที่สนับสนุนเราทั้งในแง่ของ “โมเดลรถ” ที่นำมาจำหน่าย และ “ราคา” ที่เหมาะสมมาก ๆ รวมทั้งการสนับสนุนจากบรรดาลูกค้า ผู้ใช้ และสื่อมวลชนอย่างต่อเนื่อง

โดยในช่วงที่ผ่านมาแม้ว่าเราจะเป็นผู้ประกอบการเล็ก ๆ ยิ่งในช่วงโควิดที่ผ่านมา ผลจากการดำเนินงานของเรา ทำให้เรามั่นใจว่าเราอยู่และพอจะเดินต่อไปได้

โหมเพิ่มเครือข่าย

ปัจจุบันอาวดี้ ประเทศไทยมีเครือข่าย คือ สำนักงานใหญ่บนถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา, สาขาถนนเพชรบุรี, สาขาพัทยา, สาขาภูเก็ต และศูนย์บริการที่เชียงใหม่ ภายในเดือนมกราคม 2564 จะมีการเปิดอีก 2 แห่ง ได้แก่ สาขาถนนราชพฤกษ์ ย่านฝั่งธนบุรี และอุดรธานี ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่ขยายไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากเดิมทั้ง 2 สาขาจะเปิดตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปีก่อน แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิดทำให้แผนงานต้องชะลอออกมา

เช่นเดียวกับแผนการเปิดตัวรถใหม่ ปีนี้เราจะมีรถเปิดไม่ต่ำกว่า 10 รุ่นย่อยและจะมีออดี้ อี-ตรอน จีที ที่ไทยเป็นประเทศแรก ๆ ของโลกที่เปิดตัวพร้อมเปิดราคา และมีรถในตระกูล RS ด้วย

แน่นอนว่าเราไม่หยุดเกี่ยวกับเรื่องซูเปอร์คาร์ เพราะฉะนั้น อาวดี้ ประเทศไทยไม่หยุด และออดี้ เอจี ไม่หยุด