ตลาดแบตเตอรี่ 4.2 พันล้านคึก “ยีเอส” ผนึกดีลเลอร์ลุยเจาะเก๋ง-ปิกอัพ

ยีเอส แบตเตอรี่ ปรับเกมรุก ผนึกดีลเลอร์เจาะตลาดปิกอัพ เก๋งเล็ก หวังเพิ่มส่วนแบ่งตลาด 4.2 พันล้าน มั่นใจปิดปีงบประมาณ 2563 ยอดขายโต 15%

นายมนไทย เลาหะวณิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามยีเอสเซลล์ จำกัด เปิดเผยถึงผลประกอบการของปีงบประมาณ 2563 จะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้อยู่ราว 4,200 ล้านบาท มีกำไรจากการประกอบการสูงกว่าปีที่ผ่านมา 40% และมีสัดส่วนการตลาด 31%

“ภาพรวมรายได้คาดว่าอยู่ที่ประมาณ 4,200 ล้านบาท จากปริมาณความต้องตลาดแบตเตอรี่รถยนต์อยู่ที่ 7 ล้านลูกต่อปี”

ปัจจัยที่ส่งผลทำให้ยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นนั้นเป็นผลมาจากนโยบาย และการกำหนดทิศทางในการทำการตลาดในปีที่ผ่านมา ที่ไม่ได้มุ่งเน้นในการขยายฐานลูกค้าเพียงด้านเดียว แต่ให้ความสำคัญในการเข้าไปทำงานร่วมกับตัวแทนจำหน่ายในแต่ละพื้นที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งส่งเสริมให้ตัวแทนจำหน่ายในแต่ละพื้นที่มีโอกาสที่จะขยายฐานลูกค้าของตัวเองออกไป ควบคู่ไปกับบริษัทมีทีมงานที่ช่วยเข้าไปเก็บข้อมูลและร่วมกันทำงานกับผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับจากผู้แทนจำหน่ายเป็นอย่างดี

นอกจากนี้ ปีที่ผ่านมาบริษัทยังได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง เช่น การเปิดตัวให้บริการ GS Prompt 1380 ในการ delivery แบตเตอรี่รถยนต์ทั่วประเทศผ่านเครือข่ายคุณภาพของผู้แทนจำหน่ายยีเอส และการนำเอาระบบการรับประกันสินค้าออนไลน์เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและครอบคลุมถึงผลประโยชน์ของลูกค้าผู้ใช้รวมไปถึงผู้แทนจำหน่ายทุก ๆ ราย

“ในปีงบประมาณ 2563 เรายังคงมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้นำหลากหลายมาตรการมาปรับใช้เพื่อรองรับกับสถานการณ์ช่วงโควิด-19 ที่สำคัญได้มีการพัฒนาโครงสร้างระบบภายใน มีการนำมาตรการ 5 ส. และ KAIZEN มาใช้ ทำให้สามารถปรับปรุงกระบวนการทำงานภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง และมีการวิเคราะห์สถานการณ์ทางการตลาดเพื่อปรับกลยุทธ์และพัฒนาสินค้าใหม่”

ส่วนปีนี้คาดว่าจะมีการเติบโตด้านยอดขาย 10% โดยบริษัทจะเน้นการเข้าไปเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดมากขึ้นจากกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็ก-ขนาดกลาง ทั้งยังเพิ่มโอกาสจากการที่ได้ส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มของรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ขนาด 1 ตันด้วย แม้กำลังซื้อโดยรวมจะได้รับผลกระทบ ทำให้ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายเงินในการซื้อรถยนต์ใหม่ และส่งผลให้ต้องดูแลรักษารถยนต์ให้อยู่ในสภาพดี ทำให้ธุรกิจในส่วนของอะไหล่ภายในประเทศยังคงเดินหน้าไปได้

และบริษัทได้ตัดสินใจออกแบบบรรจุภัณฑ์รวมถึงอัตลักษณ์ของร้านค้าใหม่ทั้งหมด หรือที่เราเรียกกันว่า brand identity ทั้งนี้ เพื่อให้สินค้าและร้านค้ามีความทันสมัยมากขึ้น และยังได้มีการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งส่งสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องด้วย