“บิ๊กฮอนด้า” ยันหุ้นพรประภาเท่าเดิม ลั่นรวมบริษัทไม่ลดคน จ้องแตกไลน์สินค้า

บอสใหญ่จักรยานยนต์ฮอนด้าลั่นไม่มีนโยบายลดคนหลังยุบรวมบริษัท ระบุยังต้องเสริมกำลังคนหลังจ้องแตกโปรดักต์ใหม่เสริมทัพ ยันสัดส่วนหุ้น “พรประภา” เท่าเดิม พร้อมส่ง “บิ๊กไบก์” ใหม่โกยยอดช่วงงานมอเตอร์โชว์ เชื่อประเทศมีวัคซีนดันตลาดมอเตอร์ไซค์ทะลุ 1.54 ล้านคัน

นายชิเกโตะ คิมูระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจากวันที่ 31 มี.ค. 2564 พนักงานของ เอ.พี. ฮอนด้า ทั้งหมดจะโอนย้ายไปสังกัดบริษัท ไทยฮอนด้าแมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ซึ่งจะทำให้ทุกส่วนงานทั้งหมดอยู่ภายใต้บริษัทเดียว เกิดความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ ลดความซ้ำซ้อน และยังเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

แต่ยืนยันว่าไทยฮอนด้าฯไม่มีนโยบายลดจำนวนพนักงานเด็ดขาด แม้ว่าการยุบรวมจะมีบางหน่วยงานที่ซ้ำซ้อนกัน ซึ่งอาจจะต้องจัดสรรกำลังคนไปเสริมบางหน่วยงานที่ยังมีทรัพยากรบุคคลไม่เพียงพอ หรือหน่วยงานที่ต้องการขยายตลาด รวมถึงเร็ว ๆ นี้ อาจจะมีโปรดักต์อื่น ๆ เข้ามาเสริมทัพด้วย ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้คนทำงาน

“เรายังมีงานที่ต้องใช้คนอีกเยอะ เช่น โปรเจ็กต์ทางสิ่งแวดล้อม การคืนกำไรให้สังคม หรือการรุกตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งไทยฮอนด้าฯเริ่มนำร่องไป 2 โปรเจ็กต์แล้ว กับวินมอเตอร์ไซค์ แถวสุขุมวิท 22 และระบบโลจิสติกส์ของ ปตท. ซึ่งได้การตอบรับที่ดีมาก”

นายคิมูระกล่าวอีกว่า สำหรับสัดส่วนหุ้นของตระกูลพรประภาซึ่งร่วมก่อตั้งบริษัท ไทยฮอนด้าแมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด และบริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ช่วงนี้กำลังทำรายละเอียดทรัพย์สินทั้งหมดน่าจะลงตัวเร็ว ๆ นี้ และไม่น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง

สำหรับการเข้าร่วมงานมอเตอร์โชว์ที่จะมีขึ้นปลายเดือนมีนาคมนี้ แม้ว่าบริษัทจะเพิ่งเปิดตัวรถจักรยานยนต์ All New PCX160 และ All New Wave110i กลุ่มรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กไปตั้งแต่ต้นปี แต่ในงานคาดว่าจะมีตระกูลบิ๊กไบก์ ทั้งออฟโรดและออนโรดเข้าไปเสริมตลาดให้ครบถ้วนมากยิ่งขึ้น

“ปีนี้ตลาดน่าจะคึกคักขึ้น การแพร่ระบาดไวรัสโควิดรัฐบาลก็ควบคุมได้ค่อนข้างดี ตอนนี้เริ่มฉีดวัคซีนแล้ว มั่นใจว่าเศรษฐกิจน่าฟื้นกลับมาโดยเร็ว และตลาดมอเตอร์ไซค์เป็นตลาดที่ไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงเหมือนตลาดรถยนต์ ยิ่งรัฐบาลมีเม็ดเงินสนับสนุนประชาชน ก็ยิ่งช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น เชื่อว่าตลาดรถจักรยานยนต์ไทยน่าจะขยายตัวไปถึง 1.54 ล้านคันต่อปี โดยฮอนด้าน่าจะทำตลาดได้ถึง 1.22 ล้านคัน”