“ยนตรกิจ” ชะลอแผนทำมินิบัส กดคันเร่ง “เกีย” ลุ้นคาร์นิวัลปลุกตลาด

ยนตรกิจชะลอแผนตลาดมินิบัส ฮุนได หลังเจอ 2 เด้ง นโยบายรัฐเปลี่ยน-โควิด ปรับแผนมุ่งหน้าทำตลาดเกียเต็มสูบ ปลื้มหลัง “คาร์นิวัล” ใหม่ แบ็กออร์เดอร์ล้น มั่นใจทั้งปีขายแตะ 2 พันคัน

นางสาวธันยนันท์ ลีนุตพงษ์ ศิริมงคลเกษม กรรมการบริหาร บริษัท ฮุนได คอมเมอร์เชียล เวฮิเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัทในเครือยนตรกิจ คอร์เปอเรชั่น ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ฮุนไดเพื่อการพาณิชย์ “ฮุนได ทรัค แอนด์ บัส” ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และในฐานะ กรรมการบริหาร บริษัท ยนตรกิจ เกีย มอเตอร์ จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงความคืบหน้าภายหลังจากลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท เพื่อขึ้นไลน์ผลิตรถมินิบัสขนาด 18+1 รุ่นฮุนได เคานตี้ ที่โรงงานประกอบรถยนต์ของยนตรกิจ ลาดกระบัง ไปก่อนหน้านี้

เพื่อรองรับความต้องการของตลาดในประเทศไทยและส่งออกไปยังกลุ่มประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่ยังรองรับมาตรฐานยูโร 3

บริษัทได้เปิดตัวรถ 2 รุ่น ได้แก่ ฮุนได เคานตี้ รถมินิบัส และฮุนได ไมตี้ รถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงงานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2019 นั้น ปรากฏว่านโยบายรัฐโดยเฉพาะนโยบายการบังคับเปลี่ยนจากรถตู้โดยสาร 11 ที่นั่ง ให้เป็นรถมินิบัสภายในระยะเวลา 10 ปีจากนี้ หรือภายในปี 2571

ซึ่งคาดว่าจะมีรถตู้รอการเปลี่ยนอยู่ในระบบไม่น้อยกว่า 20,000 คันนั้นมีการเปลี่ยนแปลง โดยภาครัฐได้มีนโยบายกำหนดให้รถตู้ไม่ต้องเปลี่ยนเป็นรถมินิบัสในทันที แต่เปลี่ยนเป็นภาคสมัครใจ และขยายการบังคับใช้รถตู้ที่หมดอายุการใช้งาน 10 ปี ขยายเวลาเป็น 12 ปี

ทำให้บริษัทต้องปรับแผนธุรกิจให้สอดรับกับนโยบายที่เปลี่ยนไป พร้อมทั้งต้องวางกลยุทธ์ใหม่ หันมาเจาะตลาดมินิบัสเพื่อการท่องเที่ยว และไพรเวตทัวร์แทน

แต่ผลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน ทำให้บริษัทตัดสินใจชะลอแผนการดำเนินธุรกิจและการทำตลาดของรถมินิบัสฮุนไดออกไปอีก เพื่อประเมินสถานการณ์อีกครั้ง

“ตอนนี้ในส่วนของมินิบัส เราก็ทำตลาดอยู่ แต่เป็นการทำตลาดไปตามสภาพความเป็นจริงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ หลังจากนี้คงต้องรอให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวฟื้นกลับมาก่อน เราคงจะต้องบุกตลาดมินิบัสอย่างจริงจัง” นางสาวธันยนันท์กล่าว

ขณะที่ในส่วนของการทำตลาดรถยนต์แบรนด์เกีย ซึ่งบริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยนั้น ปีที่ผ่านมาว่า ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยมียอดขายจบที่ 1,515 คัน

ส่วนปีนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1,800-2,000 คัน ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้น่าจะเป็นไปได้อย่างยิ่ง โดยหลัก ๆ จะมาจากยอดขายของเกีย คาร์นิวัล เกีย คาร์นิวัล ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 4 เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี

มียอดจองจากงานมหกรรมยานยนต์ถึง 700 คัน และเพิ่งทยอยส่งมอบไปได้แค่ 200 คัน บวกกับยอดจองที่มีเข้ามาจากงานมอเตอร์โชว์อีกจำนวนหนึ่งทำให้ปัจจุบันบริษัทมีแบ็กออร์เดอร์เกีย คาร์นิวัล อยู่มากกว่า 500 คัน ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาการขาดแคลนชิป หรือชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (เซมิคอนดักเตอร์) ทำให้การส่งมอบรถยนต์ทำได้ค่อนข้างล่าช้า

“เดิมเราจะทยอยส่งมอบรถได้ตั้งแต่ช่วงปลายปี แต่อย่างที่ทราบว่า ทุกค่ายประสบปัญหาการขาดแคลนชิป หรือเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งรถของเราได้ส่งเข้ามาจากเกาหลีแล้ว แต่ติดปัญหาตรงนี้ทำให้มีลูกค้าบางส่วนต้องรอรถพอสมควร แต่เราจะพยายามเร่งแก้ปัญหา เพื่อส่งมอบรถให้กับลูกค้าอย่างเร็วที่สุด”

ด้าน นางสาวฬสนันท์ ภูนิธิพันธุ์กุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ยนตรกิจ เกีย มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทจะเดินหน้าขยายโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานให้ครอบคลุมทุกภูมิภาค เพื่อเป็นการรองรับการเติบโตและอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า จากปัจจุบันมีโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการ 20 แห่งทั่วประเทศ

และมีแผนจะเพิ่มโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการอีก 5 แห่งภายในปีนี้ โดยจะพร้อมเปิดให้บริการ 3 แห่งในช่วงปลายไตรมาสที่ 2 ได้แก่ สาขาสิรินธร-บางพลัด และสาขาสวนหลวง ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร และที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

นอกจากนี้ยังเตรียมทดลองเปิดบริการตรวจเช็กด่วน หรือ express service เพื่อให้บริการการเช็กระยะตามมาตรฐานแบบเร่งด่วน โดยลูกค้าสามารถนัดหมายการเข้ารับบริการล่วงหน้าได้ที่ศูนย์บริการของเกียอีกด้วย

สำหรับเกีย คาร์นิวัล ใหม่ มี 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น EX (อี เอ็กซ์) ราคา 2,144,000 บาท และรุ่น SXL (เอส เอ็กซ์ แอล) ราคา 2,459,000 บาท พร้อมการประกันคุณภาพนาน 5 ปี หรือ 150,000 กม., บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชม. นาน 5 ปี และประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี