มาสด้ายกเลิกไลน์ผลิตปิกอัพ บีที-50 โรงงานเอเอที หันพึ่งโรงงานอีซูซุ พร้อมขยายไลน์รถนั่งตัวใหม่ คาดยอดขายปีนี้ทะลุเป้า สั่งลูกทีมปรับเป้าเพิ่มอีก 2 พันคัน หลังพบกำลังซื้อลูกค้ารถ
คันแรกดีดกลับ บวกแคมเปญซีเอ็กซ์-5กระหึ่ม
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
นายฮิโรชิ อิโนอุเอะ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยถึงความร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ค่ายอีซูซุว่า มาสด้าพร้อมจะย้ายไลน์ผลิตรถยนต์ปิกอัพ รุ่นบีที-50 จากโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ หรือเอเอที ไปไว้โรงงานผลิตรถปิกอัพอีซูซุ ที่นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ ฉะเชิงเทราซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาอีก 2-3 ปีสำหรับโมเดลใหม่
โดยการร่วมมือครั้งนี้ มาสด้าจะดูแลรับผิดชอบด้านพัฒนาแพลตฟอร์ม เครื่องยนต์และดูแลการดีไซน์ ขณะที่อีซูซุจะรับผิดชอบด้านการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ความร่วมมือดังกล่าว
คล้ายกับกรณีความร่วมมือระหว่างมาสด้าเเละฟอร์ดอย่างที่เคยทำมาก่อนหน้านี้
“แม้ในช่วงที่ผ่านมา มาสด้าจะหันไปมุ่งเน้นการทำตลาดรถยนต์นั่งอย่างจริงจัง มีผลทำให้ตลาดรถปิกอัพซบเซาลงแต่ขอยืนยันว่า ทางมาสด้าจะยังคงเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันในตลาดปิกอัพอย่างแน่นอน คาดว่าภายในปี 2020 จะเริ่มเปิดสายการผลิต มีกำลังผลิตปีละ 40,000 คัน”
ส่วนโรงงานเอเอทีนั้น มาสด้าใช้เพื่อผลิตรถยนต์นั่งอย่างมาสด้า 2, มาสด้า 3 และมาสด้า ซีเอ็กซ์-3 รวมทั้งรุ่นใหม่ ๆ ในอนาคตแทน โดยมาสด้ายังคงถือหุ้น 50% จากกำลังผลิตที่ 175,000 คัน แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 1.2 แสนคัน และรถปิกอัพราว 55,000 คัน
ความร่วมมือดังกล่าวเป็นไปตามแผนธุรกิจของมาสด้า ที่ตั้งเป้าจะมียอดขายรถยนต์นั่งในอาเซียนให้ได้ 200,000 คันต่อปี ในปี 2021 พร้อมให้ความสำคัญกับสมรรถนะรถยนต์ การบริการหลังการขาย และประกันภัย
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย)จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดรถยนต์ในประเทศไทย ตามการเก็บสถิติครึ่งปีหลังจะขายได้มากกว่า โดยคาดว่าภาพรวมการขายรถยนต์ในไทยปีนี้จะสามารถมียอดขาย 840,000 คัน จากเดิมประเมินไว้ในช่วงกลางปี 820,000 คัน
ส่วนมาสด้า คาดว่าจะมียอดขายในระดับ 51,000-52,000 คัน จากเดิมที่ตั้งเป้าทั้งปีไว้แค่ 50,000 คัน หรือมีส่วนแบ่งที่ 6.3% โตกว่าปีที่แล้วประมาณ10% ทั้งนี้เป็นผลมาจากปัจจัยบวก โดย
เฉพาะกลุ่มลูกค้ารถยนต์คันแรกของมาสด้า ที่กลับเข้ามาซื้อรถยนต์คันใหม่ สูงกว่าคาดการณ์เดิมที่ 10% เป็น 15-16% บวกกับกลยุทธ์การจัดแคมเปญของมาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ที่ช่วยกระตุ้นยอดขายได้เป็นอย่างดี รวมทั้งรถยนต์มาสด้า 2 ที่มียอดขายในช่วง 9 เดือนแรก สูงกว่าคาดการณ์เดิมไว้ถึง 2,000 คัน โดยในเดือนนี้มาสด้าจะเปิดตัวซีเอ็กซ์-5 ใหม่ และคาดว่าน่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า และปีหน้าบริษัทมีแผนเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่อีกรุ่น
