รถหรูแข่งแตกเซ็กเมนต์ใหม่ หนุนดีลเลอร์สร้างกำไรเพิ่ม

THOMAS KIENZLE / AFP

รถหรูแข่งเดือด เร่งดูดกำลังซื้อลูกค้าระดับบน ทยอยคลอดรถใหม่กวาดยอดจองตั้งแต่ต้นปี เบนซ์ส่ง 15 รุ่นขอกลับขึ้นเบอร์หนึ่งตลาดพรีเมี่ยม เสริมแกร่งดีลเลอร์ทำกำไรเพิ่ม บีเอ็มฯ-ออดี้ ลุยแตกแบรนด์กลุ่มรถสมรรถนะสูง วอลโว่เสริมทัพด้วยเซ็กเมนต์อีวี

ผู้สื่อข่าวรายงานสภาวะตลาดรถยนต์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 ว่า คึกคักเกินคาด โดยผู้ประกอบทุกยี่ห้อยืนยันว่า ทั้งปีตลาดน่าจะโตขึ้นราว 10-15% จากการอัดฉีดเม็ดเงินของภาครัฐ รวมถึงความเชื่อมั่นหลังได้วัคซีนและยังมีอีเวนต์ใหญ่ ๆ สนับสนุน ทั้งมอเตอร์โชว์, ฟาสต์ออโตโชว์, บิ๊กมอเตอร์เซล และมอเตอร์เอ็กซ์โป

ตลาดที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ คือ ตลาดรถหรู ซึ่งมีสัดส่วนเกือบ 25% ของตลาด ปีนี้ถือว่าคึกคักเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นผลมาจากปีที่แล้วมีการเปลี่ยนตำแหน่งผู้นำเป็นค่ายบีเอ็มดับเบิลยู ทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งครองเบอร์หนึ่งมายาวนานกว่า 20 ปี ต้องปรับตัวแรงมากทำให้อีกหลายค่ายต้องเร่งเครื่องตาม ทั้งการแตกเช็กเมนต์ใหม่, แบรนด์ใหม่ และเซอร์วิส

เบนซ์เรียกคืนความเชื่อมั่น

นายโรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แผนรุกตลาดปีนี้จะมีรถยนต์รุ่นใหม่และไมเนอร์เชนจ์มากกว่า 15 รุ่น แบ่งเป็นครึ่งปีแรก 5 รุ่น อาทิ อี-คลาสใหม่, จีแอลเอ และซีแอลเอ เอเอ็มจี 35 และครึ่งปีหลังอีกราว ๆ 10 รุ่น

พร้อมทั้งปรับรูปแบบงานบริการหลังการขายจากการจัดส่งอะไหล่ใหม่ เพื่อลดภาระสต๊อกอะไหล่กับทางดีลเลอร์ และเน้นขยายบริการวันสต็อปเซอร์วิส ซึ่งตอนนี้มีอยู่ 13 แห่ง ให้เพิ่มเป็นครบทุกแห่งทั่วประเทศ นำเสนอแคมเปญ “Welcome Back Service” ซึ่งจะทำให้รายได้ของดีลเลอร์เติบโตขึ้นอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ บริษัทจะหันไปเพิ่มศูนย์ออโตไลต์เซอร์วิสเซ็นเตอร์ แบบ 2 เอส เน้นเฉพาะเซอร์วิสและสแปร์พาร์ต จากปัจจุบันที่มีอยู่ 3 แห่ง ได้แก่ บางพลัด, ระยอง, ถนนสาย 345 ปีนี้จะเพิ่มเป็น 6 สาขา ได้แก่ อยุธยา, สุขุมวิท ส่วนอีกสาขาอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียด และในปี 2565 จะเพิ่มเป็น 7 แห่งทั่วประเทศ โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ มีโชว์รูมและศูนย์บริการ หรือออโต้เฮาส์ ถึง 40 โชว์รูม

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การรุกตลาดของค่ายดาวสามแฉกปีนี้ดูแอ็กเกรสซีฟมาก เห็นได้ชัดว่าพยายามอุ้มดีลเลอร์ให้มีกำไรมากขึ้น สะสมแต้มหรือยอดขายกันตั้งแต่ต้นปีเลย มีการกดราคาขายลง อัดโปรโมชั่นแรง ยิ่งเฉพาะในงานมอเตอร์โชว์ตลอด 14 วันที่ผ่านมา

จะเห็นว่ายอดจองในกลุ่มรถหรู เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทำได้ 1,863 คัน แซงหน้าคู่แข่งเป็นเท่าตัว ขณะที่บีเอ็มดับเบิลยูทำได้ 999 คัน วอลโว่ 376 คัน ออดี้ 338 คัน และเลกซัส 110 คัน เชื่อว่าน่าจะพลิกกลับมาเป็นที่หนึ่งได้ไม่ยาก

BMW มั่นใจรักษาแชมป์

ด้านนายอเล็กซานเดอร์ บารากา ประธาน บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หลังจากคว้าแชมป์รถหรูปีที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยูต้องพยายามรักษาแชมป์นี้ไว้อย่างเหนียวแน่น โดยจะสานต่อความสำเร็จของการดำเนินในทุก ๆ ด้าน รวมถึงการส่งรถใหม่ลงตลาด ซึ่งจะมีทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์

ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู X7 xDrive30d M Sport ใหม่ ประกอบในประเทศไทยเป็นครั้งแรก และบีเอ็มดับเบิลยู 330Li M Sport, มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน, มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ GP Inspired Edition และรถจักรยานยนต์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด R 18 Classic First Edition รถทัวริ่งครุยเซอร์ ก่อนที่จะมีการทยอยเปิดตัวรุ่นอื่น ๆ ตามมาอีกตลอดทั้งปี

และที่น่าจะเป็นไฮไลต์ของการทำตลาดคือ บีเอ็มดับเบิลยูมีพาวเวอร์ชอยซ์ให้ลูกค้าเลือก ทั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในอย่างเดียว, เครื่องยนต์ผสมมอเตอร์ไฟฟ้าแบบเสียบปลั๊ก รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งในตลาดโลกประสบความสำเร็จดีมาก

ปัจจุบันบีเอ็มดับเบิลยูมีสัดส่วนการขายรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด กว่า 30% ของยอดขาย และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ราคาขายรถยนต์ตอนนี้มีการนำเสนอแพ็กเกจทางการเงิน BMW Freedom Choice เข้ามาช่วยสนับสนุน เพื่อให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถบีเอ็มดับเบิลยูได้ง่ายขึ้น

เร่งขยายตลาดรถตระกูลเอ็ม

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า อีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้บีเอ็มดับเบิลยูสามารถยืนซดหมัดกับคู่แข่งได้ คือการตัดสินใจขึ้นไลน์ประกอบรถยนต์ตระกูลเอ็ม หรือกลุ่มรถยนต์สมรรถนะสูงภายในประเทศ โดย M Performance รุ่นแรกที่ประกอบจากโรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ในจังหวัดระยอง

ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู M340i xDrive พร้อมตั้งราคาขายได้น่าตื่นเต้นมาก 3.99 ล้านบาท และเร็ว ๆ นี้จะมีรุ่นอื่น ๆ เข้ามาเสริมทัพอีก ทั้งนี้ ความตื่นเต้นในตลาดรถหรูยังมีให้เห็นออกมาเป็นระยะ โดยเฉพาะแบรนด์รอง ๆ อย่างวอลโว่ และแบรนด์น้องใหม่ ออดี้ ช่วงหลังนี้พร้อมปรับตัวรับการแข่งขันที่ทวีความรุนแรง

วอลโว่บุกมอเตอร์ไฟฟ้าเต็มสูบ

นายคริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า วอลโว่ประกาศเป็นนโยบายว่า ภายใน 4 ปีจากนี้ (2568) วอลโว่จะเร่งส่งรถยนต์ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ 100% ลงตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สัดส่วนการขายรถยนต์วอลโว่ในพอร์ตมากกว่า 50% เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% และภายใน 9 ปีจะผลักดันให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% ทั้งหมด โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา รถวอลโว่ทุกคันจะไม่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในอย่างเดียว ทุกคันจะต้องมีมอเตอร์ไฟฟ้าร่วมขับเคลื่อนด้วย

และล่าสุดยังได้นำเสนอ วอลโว่ XC40 รถยนต์ไฟฟ้า 100% ในราคาที่จับต้องได้ง่าย 2.95 ล้านบาท ให้ลูกค้าได้เป็นเจ้าของ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การรุกตลาดด้วยรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งสอดรับกับเทรนด์การใช้รถในปัจจุบัน ทำให้ในงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา วอลโว่สามารถขายรถได้สูงถึง 376 คัน ถือเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ

ออดี้ ปรับพอร์ตขยายกลุ่มลูกค้า

นายกฤษฎา ล่ำซำ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร อาวดี้ ประเทศไทย ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ “ออดี้” กล่าวว่า สิ่งที่อาวดี้สามารถแข่งขันในตลาดรถหรูได้สบาย ๆ ทั้ง ๆ ที่เป็นน้องใหม่ คือบริษัทสามารถเสิร์ฟทุกเมนูที่ลูกค้าต้องการ ด้วยการเขย่าพอร์ตเพื่อให้รถออดี้มีทุกระดับราคา ทำให้ขยายตลาดได้กว้างขึ้น รถยนต์ออดี้มีระดับราคาตั้งแต่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท ไปจนถึง 10 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีรถยนต์ไฟฟ้า มีรถที่มีสมรรถนะสูงแบรนด์ RS และยังมี TT ซูเปอร์คาร์ ซึ่งราคาจับต้องได้ ทำให้วันนี้ ออดี้มีถึง 9 body type รวมมากกว่า 30 รุ่นย่อย นอกจากการมีโปรดักต์ที่หลากหลายแล้ว เซอร์วิสซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญก็ยังเตรียมไว้รองรับปริมาณรถที่มากขึ้น โดยล่าสุดได้เปิดโชว์รูมและศูนย์บริการ อาวดี้ ราชพฤกษ์ เพื่อรองรับลูกค้าย่านฝั่งธนบุรี


ปัจจุบัน อาวดี้ มีโชว์รูม และศูนย์บริการครบวงจร 3 แห่ง ในกรุงเทพฯ ได้แก่ อาวดี้ ประเทศไทย สาขาเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา อาวดี้ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ และศูนย์บริการอาวดี้ ราชพฤกษ์ ต่างจังหวัดมี อาวดี้ พัทยา รองรับลูกค้าในเขตภาคตะวันออก ครอบคลุมจังหวัดใกล้เคียง อาทิ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ส่วนของภาคใต้ อาวดี้ ภูเก็ต ซึ่งเป็นโชว์รูมและศูนย์บริการขนาดใหญ่ครบวงจร และเร็ว ๆ นี้จะเปิดภาคอีสานอีก 1 แห่ง โชว์รูมและศูนย์บริการ อาวดี้ อุดรธานี