ปนัดดา เจณณวาสิน “อีซูซุ” เชื่อ “วัคซีน” จะฟื้นทุกอย่างได้

สัมภาษณ์

ตลาดรถยนต์ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ถือว่าอยู่ในภาวะที่ต้องเผชิญกับปัญหารุมเร้ามากมาย โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-1 ที่วันนี้ยังทวีความรุนแรง

เกือบทุกแบรนด์ก้าวผ่านครึ่งปีแรกมาแบบหืดขึ้นคอ แต่สำหรับค่ายอีซูซุซึ่งมีแฟน ๆ เหนียวแน่น จัดเป็นเพียงไม่กี่ค่ายที่ยอดขายอยู่ในแดนบวกวันนี้ “ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษผู้บริหารมือดี “ปนัดดา เจณณวาสิน” กรรมการรองผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เพื่ออัพเดตสถานการณ์ รวมทั้งโอกาส ทิศทางการขับเคลื่อนธุรกิจในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ ที่หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ง่าย

Q : ผลประกอบการครึ่งปีแรก

6 เดือนแรกที่ผ่านมาเรามียอดขายไปทั้งสิ้น 93,165 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึง 22.5% และอีซูซุมีส่วนแบ่งในตลาดรถยนต์โดยรวมของประเทศไทย 24.8% สูงกว่าปีที่แล้วซึ่งทำได้ 23.1%

โดยรถปิกอัพ “อีซูซุ ดีแมคซ์” ยังคงครองอันดับ 1 ด้วยยอดขาย 75,629 คัน ส่วนแบ่งตลาด 44.8% ขณะที่รถอเนกประสงค์ “อีซูซุ มิว-เอ็กซ์” มียอดขาย 9,392 คัน ส่วนแบ่งตลาด 33.6% เป็นอันดับ 2

รถบรรทุกขนาดกลางและใหญ่ขายได้ 8,144 คัน ครองอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 50.5% แม้ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกแล้วระลอกเล่าแต่ “อีซูซุ” ก็ยังคงเป็นแบรนด์ที่ผู้ใช้รถชาวไทยให้ความไว้วางใจอย่างสูงในทุก ๆ สถานการณ์

Q : ครึ่งปีหลังต้องปรับแผนทำตลาดให้สอดรับกับสถาณการณ์อย่างไรบ้าง

ตอนนี้ต้องบอกว่าสถานการณ์ตลาดรถยนต์เมืองไทยในครึ่งปีหลังนั้นเป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ยากอย่างยิ่ง เพราะต้องขึ้นอยู่กับความสามารถในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และประสิทธิภาพของการฉีดวัคซีนเป็นหลัก

แต่ถึงกระนั้นก็ตามอีซูซุเน้นความสำคัญด้านการสื่อสารกับลูกค้าผ่านช่องทางที่หลากหลาย หรือ omnichannel ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ก่อให้เกิดประสบการณ์ที่ดี และใช้ข้อมูลต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์

อีซูซุเรามีฐานข้อมูลลูกค้าขนาดใหญ่ ที่เรียกว่า big data ซึ่งมีประโยชน์มากในการวิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าเพื่อให้เราสามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่สามารถตอบโจทย์ของผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างตรงความต้องการมากสุด รวมทั้งการฝึกอบรมผู้จำหน่ายอีซูซุอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 จนถึงระดับที่ผู้จำหน่ายอีซูซุสามารถนำการตลาดดิจิทัล (digital marketing) มาประยุกต์ใช้ที่หน้างานจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพดังกล่าว และพิสูจน์ให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมในช่วงวิกฤต

Q : พฤติกรรมคนใช้รถปิกอัพเปลี่ยนไปมากน้อยขนาดไหน

อย่างที่บอกอีซูซุเน้นความสำคัญด้านการสื่อสารกับลูกค้าผ่านช่องทางที่หลากหลาย เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย โดยในช่วงโควิด-19 นี้กลุ่มอีซูซุสามารถนำการตลาดแบบออนไลน์เข้ามาทดแทนได้อย่างทันท่วงทีเมื่อการขายแบบออฟไลน์มีข้อจำกัด และเห็นได้ชัดว่าผู้ใช้รถชาวไทยใช้ช่องทางออนไลน์ในการค้นหาข้อมูลและติดต่อกับผู้จำหน่ายอีซูซุมากขึ้น ถึงแม้ว่ารถยนต์จะเป็นสินค้าราคาสูงเมื่อเทียบกับค่าครองชีพของไทยก็ตาม

Q : อีซูซุจำเป็นต้องปรับเป้าหมายจากที่ตั้งไว้ตั้งแต่ต้นปีหรือไม่

จากสถานการณ์ใน 6 เดือนแรกของปีนี้ ตลาดรถยนต์โดยรวมของประเทศไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 14% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แม้ว่าปีที่แล้วช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคมจะมีการล็อกดาวน์อย่างเข้มข้น แต่ก็ถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น เดิมเมื่อต้นปีอีซูซุคาดว่ายอดขายรถยนต์ทุกประเภทจะอยู่ในระดับ 840,000 คัน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 5.7% เมื่อเทียบกับยอดจำหน่ายรวม 792,146 คันในปีที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้เรายังอยู่ระหว่างการประเมินปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ เพื่อประกอบการพิจารณาว่าจะต้องปรับเปลี่ยนคาดการณ์หรือไม่

Q : ในฐานะผู้นำตลาดและผู้นำในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม อยากเสนอแนะรัฐบาลอย่างไรบ้าง

จากการประกาศมาตรการล็อกดาวน์และจำกัดเวลาการออกนอกเคหสถานของรัฐบาลเป็นเวลา 14 วันในกรุงเทพฯ และอีก 9 จังหวัดตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมานั้น ส่งผลทางด้านจิตวิทยาต่อความรู้สึกของผู้บริโภค ทำให้ชะลอการใช้จ่ายในด้านต่าง ๆ รวมทั้งรถยนต์ซึ่งเป็นสินค้าที่มีราคาสูงด้วย

สิ่งที่อีซูซุต้องการให้รัฐบาลทำในขณะนี้ คือ การเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมจำนวนประชากรให้ได้มากที่สุดตามแผนงานที่รัฐบาลวางไว้ เพื่อบรรเทาความรุนแรงจากการติดเชื้อโควิด-19 และอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อดังกล่าว ถ้าสามารถฉีดวัคซีนได้ตามแผนแล้ว เราเชื่อว่าการใช้ชีวิตของประชาชนก็จะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลทางด้านจิตวิทยาของผู้บริโภค และสภาพเศรษฐกิจโดยรวมก็จะฟื้นตัวขึ้นเป็นลำดับ

Q : ตัวองค์กรตอนนี้มีความจำเป็นต้องปรับให้สอดรับกับสถาการณ์ขนาดไหน

เราเพิ่งประกาศปรับภาพลักษณ์ใหม่ของกลุ่มตรีเพชรให้เป็น “กลุ่มบริษัทระดับซูเปอร์เฟิรสต์คลาส” สำหรับทุกโอกาสและความท้าทายทางธุรกิจ “กลุ่มตรีเพชร” คือกลุ่มบริษัทชั้นแนวหน้าที่ขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจยานยนต์ในประเทศไทยมาเป็นเวลายาวนานกว่า 60 ปี และขยายไปยังประเทศลาวและกัมพูชาด้วยวิสัยทัศน์ คือ การเป็นกลุ่มบริษัทระดับซูเปอร์เฟิรสต์คลาสครบวงจร ที่สามารถสร้างทุกสิ่งให้เป็นจริงได้ ด้วยศักยภาพอันแข็งแกร่งของบุคลากรที่ขับเคลื่อนความสำเร็จของกลุ่มธุรกิจอันหลากหลายครอบคลุมถึง 7 กลุ่ม ได้แก่

1.ธุรกิจขายและการบริการ ประกอบด้วย บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัดผู้จัดจำหน่ายและสร้างแบรนด์รถยนต์ด้วยเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการกว่า 300 แห่งทั่วประเทศไทย บริษัท อีซูซุอันดามันเซลส์ จำกัด ผู้จำหน่ายอีซูซุที่ให้บริการแบบครบวงจร โดยโชว์รูมและศูนย์บริการ 13 แห่ง ครอบคลุม 5 จังหวัดภาคใต้ บริษัท ตรีเพชร อีซูซุเซลส์ แคมโบเดีย จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายรถยนต์อีซูซุขนาดเล็กในประเทศกัมพูชา บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ ลาว จำกัด ผู้เดียวผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายรถยนต์อีซูซุขนาดเล็กในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

2.ธุรกิจบริการหลังการขายประกอบด้วย บริษัท ออโต้เทคนิค (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการหลังการขายสำหรับรถปิกอัพ รถบรรทุก รถบัส และรถยนต์นั่ง ด้วยศูนย์บริการ 9 แห่งในกรุงเทพฯและปริมณฑล บริษัท ตรีเพชรอีซูซุบริการ จำกัด ศูนย์บริการอีซูซุเต็มรูปแบบในกลุ่มตรีเพชร

3.ธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ประกอบด้วย บริษัท ตรีเพชรอีซูซุลิสซิ่ง จำกัด ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ครบวงจร

4.ธุรกิจประกันภัยประกอบด้วย บริษัท ตรีเพชรอินชัวรันส์เซอร์วิส จำกัด ผู้ให้บริการด้านนายหน้าประกันภัย เพื่อชีวิตที่มั่นคงด้วยประกันภัยที่เหมาะสมสำหรับลูกค้า

5.ธุรกิจไอทีโซลูชั่นประกอบด้วย บริษัท ตรีเพชรไอที โซลูชั่นส์ จำกัด ผู้ให้บริการด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีประสบการณ์อย่างสูงในอุตสาหกรรมรถยนต์และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง

6.ธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์ประกอบด้วย บริษัท โอมาคาเสะ คาร์ จำกัด ธุรกิจรถยนต์มือสองคุณภาพระดับพรีเมี่ยมที่มีช่องทางการติดต่อทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อสร้างประสบการณ์ของการซื้อที่มีคุณภาพและรถมือสองที่น่าเชื่อถือ

7.การบริการด้านอื่น ๆ ประกอบด้วย บริษัท พัฒนาไทยบริการ จำกัด บริษัทผู้ให้บริการเช่ารถยนต์พร้อมคนขับมืออาชีพ บริษัท ตรีเพชรโฮลดิ้ง จำกัด บริษัทจัดการบริหารและดูแลการถือหุ้นของกลุ่มตรีเพชรในด้านการลงทุนธุรกิจ การให้คำปรึกษาและการบริหารจัดการต่าง ๆ

ทั้งหมดนี้เพื่อส่งมอบสุดยอดประสบการณ์โซลูชั่นและนวัตกรรม พร้อมเครือข่ายพันธมิตรต่าง ๆ อย่างครบวงจรด้วยบุคลากรและทรัพยากรต่าง ๆ ระหว่างบริษัทในกลุ่มตรีเพชร แก่ลูกค้าซึ่งกลุ่มตรีเพชรพร้อมแล้วที่จะแสดงศักยภาพในการสร้างความสำเร็จให้กับกลุ่มตรีเพชรต่อไปในอนาคต

ภายใต้แนวคิด “กลุ่มตรีเพชร…ทุกสิ่งเป็นจริงได้”