ซูซูกิ เสริมเขี้ยวดีลเลอร์สู้โควิด ปรับงานหลังบ้าน/ปูพรมอู่สีทั่วประเทศ

ซูซูกิ

ซูซูกิเผยแผนครึ่งปีหลัง ผนึกดีลเลอร์ ใช้ระบบหลังบ้านเพิ่มประสิทธิภาพ เสริมความแข็งแกร่งให้ดีลเลอร์ พร้อมเข้มงานขาย เซอร์วิส หวังแตะเป้า 3 หมื่นคัน แย้มเร่งปูพรมอู่ซ่อมสีตัวถัง 30 แห่งในปีนี้

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารด้านการตลาดและการขาย บริษัท ซูซูกิมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า บริษัทจะเพิ่มความเข้มข้นทำตลาดอย่างรอบด้าน โดยปรับกลยุทธ์ทำงานร่วมกับตัวแทนจำหน่าย เน้นให้ความรู้และทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ผู้ผลิตหรือโออีเอ็มจะต้องเข้าไปแก้ไขอย่างทันท่วงที

สำหรับซูซูกิได้ใช้ระบบดีลเลอร์โอเปอเรชั่น หรือการตรวจสุขภาพและให้คำแนะนำกับดีลเลอร์ ในการดำเนินธุรกิจและเพิ่มประสิทธิภาพการบริการและการขาย ภายใต้โปรแกรม My Car เพื่อช่วยประคับประคองให้ทุกคนผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน

“เรามองว่าวันนี้ดีลเลอร์ต้องแกร่งขึ้นอีกเพราะสถานการณ์ที่เผชิญกับทุกคนยังไม่เคยเจอ ดังนั้นต้องประคองตัวดี ๆ เราเข้าไปทำงานร่วมกับดีลเลอร์ให้ความรู้ใช้โปรแกรม My Car มาเป็นเครื่องมือเพิ่มความชัดเจนในเรื่องการสื่อสารของพนักงานขาย บริการ รวมทั้งการสั่งรถ การจองรถ เพื่อให้โปรดักชั่นไม่ผิดพลาด ทำให้การผลิตและการขายเดินไปด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่มีแต่ยอดจอง แต่ไม่มียอดส่งมอบ” นายวัลลภกล่าว

นอกจากนี้ ซูซูกิยังเดินหน้าสร้างความพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า โดยปีนี้มีแผนจะขยายศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถัง เพื่อให้บริการอย่างต่อเนื่องจากปัจจุบันมีอยู่ 8 แห่ง จะเพิ่มเป็น 10 แห่งในเร็ว ๆ นี้

ก่อนที่ภายในสิ้นปีจะมีครบ 30 แห่งทั่วประเทศ สำหรับศูนย์ดังกล่าวจะมีการลงทุนอย่างน้อย 5-10 ล้านบาท เพื่อขยายการบริการให้กับลูกค้าซูซูกิได้อย่างครอบคลุม

สำหรับภาพรวมของตลาดรถยนต์ในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งมีความแตกต่างจากปีที่ผ่านมาอย่างชัดเจน ทั้งเรื่องของคลัสเตอร์ที่แตกต่างและหลากหลาย รวมทั้งมาตรการการเยียวยา ความช่วยเหลือจากรัฐบาลที่ใส่เม็ดเงินลงไปในระบบนั้นทำได้ยากขึ้น ส่งผลให้คนเริ่มมีความตระหนกระมัดระวังการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการประเมินกันว่าการระบาดครั้งนี้กว่าจะทำให้ เศรษฐกิจโดยรวมฟื้นตัวยังต้องใช้ระยะเวลาอีกยาวนาน

โดยเฉพาะวันนี้เหลือระยะเวลาอีกเพียง 5 เดือนเศษเท่านั้น และหากรัฐบาลสามารถฉีดวัคซีนได้เร็วขึ้นตามเป้าหมาย 120 วัน ก็ถือเป็นเรื่องดี แต่หากจากแนวโน้มวัคซีนขณะนี้มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะยืดเยื้อไปถึงช่วงสิ้นปี

อย่างไรก็ตาม มีกลุ่มลูกค้าที่ยังมีความจำเป็นและต้องการใช้รถยนต์ ซึ่งมีกำลังซื้ออยู่ และบริษัทก็จะเน้นการทำตลาดเพื่อเข้าหาลูกค้ากลุ่มนี้ให้ได้มากที่สุด เห็นได้จากรถซูซูกิ แครี่ ในช่วงที่ผ่านมากลับได้รับความนิยม จากกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถยนต์เพื่อไปใช้ในการประกอบอาชีพ

ทั้งนี้ ซูซูกิยังคงยืนยันเป้าหมายยอดขายสำหรับปีนี้ที่ 30,000 คันเช่นเดิม โดยยังไม่มีนโยบายการประกาศปรับเป้าหมายยอดขายแต่อย่างใด

ส่วนยอดขายในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ซูซูกิมียอดขายไปแล้ว 10,645 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันเล็กน้อย แบ่งเป็น เซเลริโอ้ จำนวน 2,279 คัน สวิฟท์ จำนวน 3,439 คัน เซียส จำนวน 1,445 คัน เออร์ติก้า จำนวน 365 คัน เอ็กซ์แอล 7 จำนวน 1,782 คัน แครี่ จำนวน 1,329 คัน


“ช่วงที่ผ่านมาจะเห็นว่ายอดขายของเรามีทั้งลดลง และเพิ่มขึ้น ในช่วงนี้ ซูซูกิ แครี่ นอกจากลูกค้าจะนิยมซื้อเพื่อไปประกอบอาชีพแล้ว ยังได้รับความสนใจจากหน่วยงานต่าง ๆ นำไปทำรถตรวจเชื้อโควิดเชิงรุกในพื้นที่ต่าง ๆ ที่เราจับมือกับหมอแล็บด้วยเช่นเดียวกัน”