ส่องตลาด “ฟาสต์ฟิต” โอกาส…ยังมีอีกเยอะ

สัมภาษณ์

เปิดตลาดฟาสต์ฟิตมาพักใหญ่ สร้างสีสันและทำให้ตลาดมีความคึกคักมากขึ้น เมื่อค่ายน้ำมันแห่งชาติ “โออาร์” ลงมาเล่นตลาดนี้เอง

วันนี้ “ไพศาล อุดมกุลวณิชย์” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจหล่อลื่น รับหน้าเสื่อรับผิดชอบฟิตออโต้ มาเล่าถึงวิธีการปรับตัวในยุคโควิด รวมทั้งแผนงานในการขับเคลื่อนธุรกิจ เพื่อฝ่าวิกฤตโควิดครั้งนี้ไปให้ได้

Q : โควิดทำให้ต้องปรับตัวแค่ไหน

ตอนนี้ ฟิตออโต้ของเรายังคงดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้ คือ สร้างการรับรู้ของผู้บริโภคต่อธุรกิจฟิตออโต้ รวมทั้งการสร้างความพึงพอใจ เพื่อให้ผู้บริโภคกลับเข้ามาใช้บริการใหม่ แต่ทั้งนี้ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่เชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ฟิตออโต้จึงใช้ช่วงเวลานี้ทบทวนเพิ่มเติมองค์ความรู้เชิงเทคนิคและมาตรฐานการปฏิบัติงานให้พนักงานทุกระดับ โดยมีการอบรมและทดสอบในรูปแบบออนไลน์ เพื่อให้มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการบริการลูกค้าเมื่อสถานการณ์กลับเป็นปกติ

Q : กระทบแผนการขยายเครือข่ายมากแค่ไหน

ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 67 สาขา โดยหลัก 50% จะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ส่วนที่เหลืออยู่ในภูมิภาคตามจังหวัดใหญ่ และมีแผนการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องทุกปี สำหรับปีนี้เรามีแผนจะขยายสาขาใหม่อย่างน้อย 12 สาขา รวมทั้งยังมีแผนเดินหน้าขยายสาขาในต่างประเทศนั้น ปัจจุบันฟิตออโต้เปิดให้บริการในประเทศลาว และกัมพูชารวม 5 สาขา ทั้งนี้ การขยายสาขาในต่างประเทศเพิ่มเติมนั้นจะมีการวิเคราะห์และประเมินสภาวะเศรษฐกิจในแต่ละประเทศ และดำเนินการภายหลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลง

Q : เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะเอามาใช้หลังโควิด

สำหรับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบันต้องยอมรับว่า ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสภาวะเศรษฐกิจและวิถีชีวิตของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก และฟิตออโต้ได้ปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว และเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้าและเป็นการยกระดับความปลอดภัยในการใช้บริการให้เป็นมาตรฐาน ขั้นตอนการทำงาน เช่น ตรวจวัดอุณหภูมิ พนักงานใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ทำความสะอาดห้องรับรองลูกค้าทุก ๆ 3 ชั่วโมง ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดจุดสัมผัสในรถยนต์ทั้งก่อนและหลังบริการ ชำระเงินแบบไร้สัมผัสผ่าน QR code หรือผ่านแอปพลิเคชั่น Blue Connect

ขณะที่แผนงานด้านการตลาดมีการปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์เช่นกัน โดยเน้นการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์รวมถึงเพิ่มการขายผ่าน Facebook LIVE ตามพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน และโปรโมชั่นส่วนลดพิเศษเมื่อจองใช้บริการล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น FIT Auto เพื่อลดความแออัดหน้าสาขา หรืออย่างที่ผ่านมา เรามีการทำโครงการร่วมสนับสนุนการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่นสำหรับรถฉุกเฉินรับส่งผู้ป่วยโควิดฟรี 150 คัน มีช่องทางให้ SMEs ประชาสัมพันธ์ธุรกิจ ฟรี ผ่านโพสต์บน Facebook, IG สนับสนุนน้ำยาฆ่าเชื้อและกระบอกฉีดพ่น แก่สำนักงานเขตคลองเตย เป็นต้น

Q : ปีนี้ต้องปรับเป้าหมายแค่ไหน

แน่นอนว่าปี 2564 ฟิตออโต้ยังคงตั้งเป้าหมายการเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน แต่เนื่องด้วยความรุนแรงและต่อเนื่องของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงมีอยู่ และมีการประกาศล็อกดาวน์ตามนโยบายภาครัฐ ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตต่างไปจากเดิม ลดการเดินทางออกจากบ้าน ส่งผลถึงการใช้ยานพาหนะลดน้อยลงอย่างมาก จึงคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของรายได้ในปีนี้ แต่เรายังไม่สามารถบอกได้ว่าผลกระทบจะมากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะต้องติดตามสถานการณ์ไปอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันเรามีสินค้าและบริการที่หลากหลายเพื่อรองรับการให้บริการลูกค้า แบ่งตามสัดส่วนของรายได้ มาจากน้ำมันหล่อลื่นภายใต้แบรนด์ PTT Lubricants 40% ยางรถยนต์ 40% และสินค้า/บริการอื่น 20% ของรายได้ทั้งหมดของฟิตออโต้

Q : ประเมินสถานการณ์ตลาดศูนย์บริการหลังการขายฟาสต์ฟิต

จากการประเมินสถานการณ์ แนวโน้มของปัจจัยทางเศรษฐกิจต่าง ๆ และมูลค่าทางการตลาดของฟาสต์ฟิตที่ค่อนข้างใหญ่ ยังเป็นโอกาสให้ฟิตออโต้ดำเนินธุรกิจและเติบโตต่อไปได้ โดยปัจจุบันรถยนต์ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายมีมากกว่า 8 ล้านคัน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี บวกกับในสภาวะที่เศรษฐกิจยังไม่มีแนวโน้มจะฟื้นตัวในเร็ววันนี้ ประกอบกับนโยบายส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐ ทำให้ผู้บริโภคบางส่วนเลือกที่จะซ่อมแซมบำรุงรักษารถยนต์คันเก่า และชะลอการซื้อรถยนต์คันใหม่ จึงเป็นส่วนสนับสนุนโอกาสของธุรกิจนี้

แต่ต้องยอมรับว่าการแข่งขันในตลาดก็จะสูงมากขึ้นเช่นกัน จากทั้งผู้ประกอบการรายปัจจุบันและรายใหม่ที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งทุกรายมีการทำกิจกรรมทางการตลาดอย่างเข้มข้นต่อเนื่องเพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมและเพิ่มลูกค้าใหม่ ๆ รวมถึงบางรายมีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

Q : พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน

แน่นอนโควิดทำให้ผู้บริโภคมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทั้งการเดินทางและการใช้รถยนต์น้อยลง แต่มีการค้นหาข้อมูลออนไลน์เพิ่มเติมก่อนตัดสินใจใช้จ่าย วางแผนการใช้เงินมากยิ่งขึ้น ซื้อสินค้าและใช้บริการเฉพาะที่จำเป็นและเน้นที่ราคาไม่สูง คุณภาพที่เหมาะสมคุ้มค่ากับการใช้งาน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ของธุรกิจ แต่เชื่อว่าเราจะเพิ่มโอกาสให้ผู้บริโภคเปลี่ยนแบรนด์ได้ง่ายขึ้นด้วย แต่จากการควบคุมการใช้จ่ายที่เน้นคุณภาพที่ดีและคุ้มค่า จะเป็นผลดีในการเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าศูนย์บริการของค่ายรถยนต์ เปลี่ยนมาทดลองใช้ศูนย์บริการฟาสต์ฟิต ถือเป็นโอกาสสร้างฐานลูกค้าใหม่

และเรายังมีการวางแผนการขับเคลื่อนธุรกิจและเสริมสร้างศักยภาพของพนักงานในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะเพื่อเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมาโดยตลอด เพื่อให้สามารถให้บริการที่ได้มาตรฐาน มีความคุ้มค่า คุ้มราคา เป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าเช่นกัน