รถยนต์กำลังหันหลังให้ “น้ำมัน”

ประเทศแถบยุโรปพาเหรดขีดเส้นตายเลิกขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง โดยใช้มาตรการทางภาษีเพื่อจูงใจให้ค่ายรถยนต์ยุติการผลิตและจำหน่าย พร้อมทั้งหันมาส่งเสริมรถอีวี หรือรถยนต์ไฟฟ้า ที่ไม่ปล่อยมลพิษแทน

ประเทศเยอรมนี ประกาศภายในปี 2030 ขณะที่ “ฝรั่งเศส” และ “อังกฤษ” ตั้งเป้าราวปี 2040 ในขณะที่โซนเอเชีย “จีน” ซึ่งถือเป็นตลาดรถยนต์ใหญ่ที่สุดในโลก ตามมาด้วย “อินเดีย” คาดหวังว่าไม่เกินปี 2030 ทั้งสองประเทศนี้จะมีแต่รถยนต์ไฟฟ้า

การเปลี่ยนแปลงพลังงานของรถยนต์ ไม่ใช่แค่เอาไฟฟ้ามาใช้แทนน้ำมัน แต่ยังพัฒนาไปถึง “รถยนต์ไร้คนขับ” และที่ขาดไม่ได้คือ การพัฒนาการเทคโนโลยี “แบตเตอรี่” ให้ทั้ง “เบา” และ “อึด” สามารถใช้งานได้กิโลเมตรที่มากขึ้นและยาวนานขึ้น

หลังอินเดียประกาศทิศทางของอุตฯรถยนต์ในบ้านไม่นาน “ศรีลังกา” ก็เล็งให้หน่วยงานรัฐยกเลิกใช้รถยนต์เติมน้ำมันภายในปี 2025 เช่นกัน ที่สำคัญเร็วกว่าถึง 5 ปี

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ศรีลังกายืนยันว่า เริ่มให้หน่วยงานรัฐหันหลังให้น้ำมันแล้วมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าแทนให้ได้ภายในปี 2025 และจะขยายไปยังรถทั่วไปของประชาชนภายในปี 2040

รัฐบาลศรีลังกาวางแผนที่จะยกเลิกการใช้รถยนต์สันดาปภายใน โดยเฉพาะรถโดยสารสาธารณะในอีก 8 ปีข้างหน้าส่วนรถของประชาชนจะยังสามารถใช้งานได้ถึงปี 2040 ก่อนที่จะให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงรถตุ๊กตุ๊ก และมอเตอร์ไซค์ ก็ต้องทำตามกฎเกณฑ์ครั้งนี้ด้วย โดยรัฐบาลจะยังกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์พลังงานสะอาดด้วยการประกาศมาตรการต่าง ๆ โดยเฉพาะมาตรการทางภาษี รวมถึงลดภาษีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนการคิดอัตราภาษีใหม่ที่คำนวณจากคาร์บอนจากรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงด้วย

นักวิเคราะห์หลายคนระบุตรงกันว่า ประเทศศรีลังกามีรถยนต์ประมาณ 6.8 ล้านคัน โอกาสจะทำให้ทุกอย่างเป็นจริงดูจะง่ายกว่าหลาย ๆ ประเทศ