ผลิตเบาะหนังออร์เดอร์ทะลัก “อินเตอร์ไฮด์” ลุ้นส้มหล่น “รถจีน” รุมจีบ

“อินเตอร์ไฮด์” เตรียมรับส้มหล่นลุ้นคว้าออร์เดอร์ผลิตเบาะหนังให้ลูกค้ารถจีนอีก 1-2 ยี่ห้อ เร่งขยายกำลังผลิตหลังสัญญาณตลาดฟื้นตัว เทอีก 100 ล้านพัฒนาบุคลากรเสริมทัพแก้ปัญหาแรงงานขาดแคลน มั่นใจทั้งปีรายได้โต 20%

นายวศิน ดำรงสกุลวงษ์ กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บริษัท อินเตอร์ไฮด์ จำกัด (มหาชน) หรือ IHL เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงโอกาสและแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัท หลังจากมีค่ายรถยนต์หลายยี่ห้อให้ความสนใจเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะค่ายรถยนต์จากจีน ตอนนี้เข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นฐานผลิตเพื่อส่งออกทั่วอาเซียน ซึ่งอินเตอร์ไฮด์กำลังจะบรรลุข้อตกลงอีก 1-2 ราย ซึ่งแต่ละรายให้ความสนใจ เนื่องจากมองว่าบริษัทเป็นผู้ผลิตเบาะหนังสำหรับรถยนต์แบบครบวงจร และมีลูกค้าเป็นค่ายรถยนต์ชั้นนำอยู่เป็นจำนวนมาก

“แน่นอนว่าใครตัดสินใจเข้ามาผลิต ตั้งโรงงานในบ้านเรา ส่วนใหญ่แล้วเขามักจะเข้ามาหาเราเป็นค่ายแรก ๆ เพราะเราทำอุตสาหกรรมเครื่องหนังครบวงจร ทั้งตัด ทั้งเย็บ ส่วนท้ายที่สุดเขาจะเลือกเราเป็นซัพพลายเออร์หรือไม่ ก็ต้องดูปัจจัยหลาย ๆ อย่าง”

ปัจจุบันนี้อุตสาหกรรมการผลิตเบาะหนังสำหรับรถยนต์นั้น ยังเป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ให้กับบริษัท แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาอุตสาหกรรมยานยนต์จะต้องเผชิญกับปัญหาด้านการผลิต เนื่องจากสถานการณ์การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ และการแพร่ระบาดของโควิด-19

แต่บริษัทยังคงเดินหน้าผลิตเบาะหนังเพื่อป้อนให้กับโรงงานตามคำสั่งซื้อของค่ายรถยนต์ยี่ห้อต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับธุรกิจผลิตหนังเฟอร์นิเจอร์ มีออร์เดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีลูกค้าประมาณ 3-4 ราย และขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจานำเสนอสินค้าให้กับลูกค้ารายใหม่ประมาณ 3 ราย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้

ส่วนธุรกิจใหม่ ธุรกิจผลิตภัณฑ์โปรตีน GROW PLUS เริ่มทยอยรับรู้รายได้ และธุรกิจขนมขบเคี้ยวสุนัข ขณะนี้ได้รับใบรับรองมาตรฐาน GMP เพื่อจำหน่ายในประเทศและต่างประเทศแล้ว

นายวศินกล่าวต่อไปว่า บริษัทได้ดำเนินการผลิตควบคู่ไปกับการบริหารจัดการภายในองค์กร ภายใต้มาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเข้มข้น โดยที่ผ่านมามีการเพิ่มงบประมาณในการดูแลส่วนของการแพร่ระบาดของโควิด-19 จาก 90% เป็น 120% เพื่อให้การผลิตเบาะหนังของบริษัทสามารถผลิตเพื่อป้อนเข้าสู่โรงงานผลิตรถยนต์ได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ให้เกิดปัญหาซัพพลายเชนสะดุด เพราะจะส่งผลกระทบต่อกระบวนการผลิตรถยนต์ทั้งระบบได้

แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาจากมาตรการล็อกดาวน์และการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้บริษัทต้องเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนแรงงานพอสมควร จากปกติมีพนักงานราว 1,400 คน ปัจจุบันเหลือเพียง 1,100 คนเท่านั้น เนื่องจากพนักงานส่วนหนึ่งตัดสินใจกลับไปอยู่ยังภูมิลำเนาของตนเอง ไม่กลับเข้ามาสู่อุตสาหกรรม โดยเฉพาะในส่วนของพนักงานที่ต้องใช้แรงงานขาดแคลนพอสมควร

“ตั้งแต่ช่วงโควิดระบาดในปีที่ผ่านมา แรงงานส่วนใหญ่ตัดสินใจรับเงินแล้วเลือกกลับภูมิลำเนา โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าว และยังไม่กลับสู่อุตสาหกรรม ทำให้เราเองก็เจอปัญหาขาดแคลนแรงงานพอสมควร เพราะงานบางประเภทแรงงานชาวไทยไม่นิยมทำ แม้ว่าบริษัทจะจ่ายเงินเพิ่มก็ตาม”

ปีนี้บริษัทได้เตรียมงบประมาณเพื่อใช้สำหรับการลงทุนไว้ 100 ล้านบาท ในการเดินหน้าพัฒนาบุคลากรก่อน มีการจ้างผู้เชี่ยวชาญที่มีฝีมือเข้ามาเสริมทัพมากขึ้น หลังจากปีก่อนใช้งบฯ 150 ล้านบาท ไปกับการลงทุนเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์และเครื่องจักรใหม่ ๆ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการรับคำสั่งซื้อและลูกค้ารายใหม่ ๆ ที่จะเข้ามา

ส่วนผลประกอบการในไตรมาส 2/64 มีกำไรสุทธิ 18.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 145.05% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ขาดทุนสุทธิ 41.31 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 406.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 177.59% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวมเท่ากับ 146.49 ล้านบาท โดยผลดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 2564 กำไรสุทธิอยู่ที่ 64.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 272.63% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ขาดทุนสุทธิ 37.02 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 851.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61.99% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวม 525.69 ล้านบาท

ทั้งนี้ เป็นผลจากธุรกิจผลิตเบาะหนังรถยนต์ที่เป็นธุรกิจหลัก ซึ่งมีคำสั่งซื้อ ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และสามารถเดินเครื่องได้ตามกำลังการผลิตปกติที่มีอยู่ ซึ่งมีทิศทางที่ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน

รวมทั้งมีรายได้จากธุรกิจอื่น ๆ เข้ามาสนับสนุนมากขึ้น และปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 20% ได้อย่างแน่นอน