“ออดี้” ปรับใหญ่โมเดลธุรกิจ รับเทรนด์อีวี/เฟ้นรายได้เสริมดีลเลอร์

ออดี้ เอาจริงลุยตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเต็มสูบ ปีหน้าส่ง “เอ6 อี-ตรอน” รุ่นแรกกระทุ้งตลาด พร้อมเคลียร์หลังบ้านปรับ “อีโคซิสเต็ม” ให้สอดรับเทรนด์ใหม่ ลั่นเซอร์วิสกำไรน้อยแตกไลน์ธุรกิจเสริมรายได้ให้ดีลเลอร์

นายกฤษณะกร เศวตนันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมซ์สเตอร์ เทคนิค จำกัด หรืออาวดี้ ประเทศไทย เปิดเผยถึงแผนธุรกิจให้สอดรับนโยบายบริษัทแม่ ออดี้ เอจี ที่มุ่งสู่การทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า หรือ Future is electric. ภายในปี 2568 ซึ่งจะมีรถปลั๊ก-อิน ไฮบริด และอีวีออกสู่ตลาด 30 รุ่น

โดยในจำนวนนี้เป็นอีวีถึง 20 รุ่น ว่าได้จัดเตรียมความพร้อมของโชว์รูมและศูนย์บริการทั้ง 7 แห่งรองรับอย่างเต็มที่

“เราให้นโยบายนี้กับดีลเลอร์ทุกรายไปเรียบร้อยเพื่อเตรียมความพร้อมทั้งการสร้างอีโคซิสเต็ม และความพร้อมด้านเซอร์วิสรองรับกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้”

ซีอีโออาวดี้ ประเทศไทยกล่าวอีกว่า อนาคตหากรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามามีบทบาทงานบริการหลังการขาย ซึ่งเคยทำรายได้หลักรองจากมาร์จิ้นขายรถอาจจะไม่ใช่อีกต่อไป ตัวอย่างเช่น ผ้าเบรกหน้าจะเปลี่ยนที่ 100,000 กิโลเมตร ผ้าเบรกหลัง 150,000-200,000 กิโลเมตร ค่าเซอร์วิสต่าง ๆ สำหรับรถอีวีตกปีหนึ่งแค่ 3,000-4,000 บาทเท่านั้น

ค่าใช้จ่ายเยอะสุดคือยางรถยนต์ เพราะระยะเวลาใช้งานลดลงไป 40% จำเป็นอย่างมากต้องปรับบิสซิเนสโมเดลกันใหม่ โดยเฉพาะการแตกธุรกิจเพื่อเสริมรายได้ให้กับดีลเลอร์ เช่น การเพิ่มน้ำหนักให้กับศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง ขัดเคลือบสี ติดฟิล์ม โปรแกรมบำรุงรักษา ธุรกิจยางรถยนต์ หรือบริการอื่น ๆ เช่น รถเช่า รถมือสอง ฯลฯ

“ธุรกิจนี้จะช่วยเติมเต็มและทำให้แข่งขันในตลาดได้มากขึ้น”

ปัจจุบันออดี้มีโชว์รูมและศูนย์บริการใน กทม. 3 แห่ง ถนนเพชรบุรีตัดใหม่, เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา, ถนนราชพฤกษ์ ส่วนต่างจังหวัดมี พัทยา, ภูเก็ต, อุดรธานี และมีเซอร์วิสเซ็นเตอร์ที่ห้างเมญ่า จ.เชียงใหม่ และปีหน้าจะเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการที่ จ.เชียงใหม่เพิ่มอีก 1 แห่งด้วย

นายกฤษณะกรกล่าวถึงความสำเร็จของอาวดี้ ประเทศไทย ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมามียอดขายรถยนต์มากกว่า 4,500 คันคิดเป็นมูลค่า 17,000 ล้านบาท ส่วนของงานบริการหลังการขายในปีแรกมีเพียง 1,300 จ็อบ แต่ปีนี้ทำได้ 41,500 จ็อบ เพิ่มขึ้น 14-15 เท่า

ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากลูกค้ามีความมั่นใจมากขึ้น และรถจากผู้จำหน่ายรายเดิมที่กลับเข้ามาใช้บริการอีก 400-500 คัน รวมถึงรถจากผู้นำเข้าอิสระอีก 200-300 คัน

“รายได้จากงานหลักการขายเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาทในปีแรก เป็น 50 ล้านบาทในปีนี้ ถึงวันนี้เรามีรายได้จากเซอร์วิส 130 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากการจำหน่ายอะไหล่เพิ่มเป็น 160 ล้านบาทในปีนี้ จาก 15 ล้านบาทในปีแรก ปัจจุบันมีรายได้จากการจำหน่ายอะไหล่รวม 720 ล้านบาท”

สำหรับสถานการณ์ของตลาดรถยนต์ในช่วงไตรมาสสุดท้าย เชื่อว่าตลาดจะมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด โดยเฉพาะผู้ประกอบการต่างจัดแคมเปญกระตุ้นยอดขายกันอย่างมาก ซึ่งออดี้ก็มีให้ลูกค้าเลือกระหว่างประกันภัยชั้นหนึ่งนานสูงสุด 10 เดือน หรือดอกเบี้ย 0% รับพอยต์ 10 เท่า เพื่อไปสู่เป้าหมายยอด 1,300 คันในปีนี้

“9 เดือนเราขายไปกว่า 900 คัน ไตรมาส 4 จะต้องเป็นไตรมาสที่ดีที่สุด เราจะมีแคมเปญก่อนปรับราคาปีหน้า จากต้นทุนที่แบกรับโดยเฉพาะค่าเงิน และตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2565 ออดี้จะประกาศใช้โครงสร้างราคาใหม่ ปรับขึ้นราว 3% หรือ 50,000-400,000 บาทต่อคันแล้วแต่รุ่น”