ฮอนด้าลั่นเดินหน้าตามโรดแมปรัฐบาลก้าวสู่รถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว ชูเทคโนโลยี อี:เอชอีวีเป็นตัวเชื่อม เชื่อยอดขายปีนี้ทะลุ 8.5 หมื่นคัน หลังโควิด-เซมิคอนดักเตอร์ทุบตลาดทรุด ส่วนปีหน้าหวังเศรษฐกิจดันตลาดรถยนต์ฟื้น
นายโนริยุกิ ทาคาคุระ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึง นโยบายการผลักดันรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของฮอนด้าในประเทศไทย ว่า อนาคตฮอนด้าจะมุ่งไปสู่นโยบายดังกล่าวแต่ในขณะนี้จะนำเสนอรถยนต์ e:HEV หรือเครื่องยนต์ไฮบริดมาเป็นเทคโนโลยีในการเชื่อมระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ ทั้งนี้ ฮอนด้าพร้อมสนองตอบนโยบายของรัฐบายอย่างต่อเนื่อง
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
ส่วนกรณีที่มีกระเเสว่ารัฐอาจจะมีการผลักดันและปรับเปลี่ยนมาตรการการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยให้ประโยชน์ด้านภาษี 0% นั้น เรื่องดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจนออกมา แต่ฮอนด้าจะต้องติดตามสถานการณ์เกี่ยวกับนโยบายรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีผลต่อต้นทุนของรถนำเข้าของคู่แข่ง
ทั้งนี้ ฮอนด้าเห็นด้วยอย่างยิ่งกับการผลักดันให้สังคมไทยไปสู่สังคมปลอดมลพิษ แต่ต้องมีระยะเวลาที่เหมาะสมเนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์อยู่ในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน และมีระบบซัพพลายเชนค่อนข้างมาก มีกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนหลากหลาย ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ จึงมีความจำเป็นจะต้องให้บาลานซ์กับภาพรวมของอุตสาหกรรมในปัจจุบันด้วย
“เราพร้อมสนับสนุนและเดินตามนโยบายของประเทศไทย เพียงแต่เรามองว่าเทคโนโลยีที่เหมาะสมและเป็นตัวเชื่อมก่อนไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้านั้น คือ เทคโนโลยีไฮบริด และฮอนด้าเองก็มุ่งตอบสนองความต้องการของนโยบายภาครัฐด้วยการนำเสนอรถยนต์เครื่องยนต์ e:HEV ในรถโมเดลต่าง ๆ เพื่อให้เป็นตัวเชื่อมเพื่อขับเคลื่อนไปสู่อนาคต ทั้งแอคคอร์ด และซิตี้เรามีรุ่น e:HEV หรือล่าสุดเอชอาร์-วีที่เพิ่งเปิดตัวไปล่าสุดด้วย เรามองว่าเทรนด์ไปในทางไฮบริดต่อด้วย PHEV และอีวี เราสนับสนุนสังคมซีโร่คาร์บอน”
สำหรับรถยนต์ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ที่เพิ่งเปิดตัวไปนั้นขณะนี้มียอดจองไปแล้ว 2,800 คัน ขณะที่เป้าหมาย 12 เดือนจากนี้จะมียอดขายไม่น้อยกว่า 20,000 คัน ปัจจุบันมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 15% และหลังจากนี้คาดว่าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 30-35% ในตลาดรถยนต์เอสยูวีโดยรวม โดยจะสามารถทยอยส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้ช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ เช่นเดียวกันกับรถพร้อมลงโชว์รูมเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสในเดือนธันวาคมเช่นเดียวกัน
นายทาคาคุระกล่าวเพิ่มเติมถึงความคาดหวังของรถยนต์ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอส จะสามารถกลับขึ้นมาทวงตำแหน่งผู้นำในตลาดรถยนต์บีเอสยูวีได้อย่างแน่นอน ซึ่งกลุ่มลูกค้าหลักคือกลุ่มลูกค้าเดิม กลุ่มที่เพิ่งเริ่มต้นครอบครัว และพนักงานทั่วไปเป็นหลัก แม้ว่าตลาดนี้จะมีคู่แข่งในตลาดเข้ามาค่อนข้างเยอะและฮอนด้าถือเป็นผู้นำในการทำตลาดรถยนต์กลุ่มนี้และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี จนทำให้มีผู้เล่นเข้ามาในตลาดค่อนข้างมาก แต่บริษัทมั่นใจว่าด้วยคุณภาพและราคาของสินค้าที่จับต้องได้ง่าย ดังนั้นฮอนด้าเองจะต้องปรับตัวตลอดเวลา และได้มีการนำเทคโนโลยีใหม่ เข้ามาใส่ บวกกับความมั่นใจในแบรนด์ที่อยู่มายาวนาน ฮอนด้าจะสามารถพัฒนาไปตอบโจทย์ลูกค้าไลฟ์สไตล์ใหม่ ๆ
สำหรับภาพรวมของตลาดรถยนต์ปีนี้ คาดว่าจะมียอดขายอยู่ที่ 850,000 คันในช่วงต้นปี แต่ถึงวันนี้คาดว่ายอดขายน่าจะอยู่ราว 750,000 คัน ส่วนฮอนด้าเองคาดว่าจะมียอดขายที่ 85,000 คัน สำหรับเป้าหมายดังกล่าวเป็นการทบทวนตัวเลขบนปัจจัยต่าง ๆ มาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผลจากตลาดหดตัวจากเมษายนที่ผ่านมาจากโควิด
ส่วนของปีหน้ากำลังวิเคราะห์อยู่ ปัจจัยบวกคือเศรษฐกิจดีดกลับ แต่ต้องดูเรื่องโควิดว่าจะกระทบมากน้อยเพียงใด
ขณะที่ผลกระทบจากปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์นั้น ไม่เฉพาะแต่ฮอนด้า ค่ายรถยนต์อื่น ๆ ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม บริษัทจะพยายามทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ลูกค้าได้รับผลกระทบน้อยที่สุด