ฮอนด้า ซีวิค อาร์เอส ขับดีสมคำร่ำลือ

เทสต์คาร์
อมร พวงงาม

วันก่อนมีโอกาสได้ทดลองขับซีวิคตัวใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 11 ซึ่งมากับรหัสตัวถัง FE

สมคำร่ำลือจริง ๆ เพราะตั้งแต่เปิดตัวมาถึงวันนี้ก็หลายเดือน ยังไม่เคยได้สัมผัสเพียงแต่ได้ยิน เพื่อนนักข่าวหลายสำนักบอก ขับดีมาก ก็เลยต้องขอพิสูจน์กันสักนิด

แค่สัมผัสแรกก็ได้ใจซะแล้ว

วิศวกรของฮอนด้า เขาเน้นเรื่องสมรรถนะ ให้ความรู้สึกถึงความแตกต่างจากตัวก่อนและคู่แข่งในเซ็กเมนต์เดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นอัลติส หรือมาสด้า3 อย่างชัดเจน

มาดูสิ่งที่เปลี่ยนแปลง

ซีวิคตัวอาร์เอส คือรุ่นท็อปสุดของโมเดล ออปชั่นและฟีเจอร์ครบ สมบูรณ์แบบทั้งจอสัมผัสขนาด 9 นิ้วตรงกลางเป็นแบบ advanced touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri

มีช่อง USB ให้เสียบสายเชื่อมต่อได้ทุกเก็ตเจ็ตจัดชุดลำโพงมาให้ 8 ตำแหน่ง มีระบบ Honda Connect และมี wireless charge มาให้อีกด้วย

ส่วนการออกแบบ วิศวกรฮอนด้าบอกว่า ทั้งกว้างและต่ำลงกว่าเดิม รวมทั้งยังทำให้ตัวถังทนต่อการบิดตัวได้มากขึ้น 8% ทนต่อการงอตัวดีขึ้น 13%

ตรงนี้แหละที่ทำให้ได้ฟีล นิ่ง เงียบ เกาะถนน โดยเฉพาะในโค้ง

การประกอบตัวถังใช้เทคโนโลยี roof braze ลดรอยต่อบริเวณหลังคา ลดปัญหาหลังคารั่วซึมและทำให้เสียงภายในห้องโดยสารเงียบมากขึ้น

มิติตัวถัง ยาวxกว้างxสูง 4,678×1,802×1,415 มม. ฐานล้อกว้าง 2,733 มม. ยาวกว่าตัวเก่า 48 มม. กว้างกว่า 3 มม. เตี้ยลง 1 มม. ฐานล้อกว้างขึ้น 35 มม. ยังได้เพิ่มความห่างของล้อหลังอีก 
12 มม.

ไฟท้ายใช้แบบ LED ในสไตล์ C line ปลายท่อไอเสียแบบคู่ที่แยกออกซ้าย-ขวา โดยในรุ่น RS จะมีสปอยเลอร์หลังแบบ ducktail สีดำติดอยู่บนแนวของฝากระโปรง

ภายในห้องโดยสารเนี้ยบมาก เบาะนั่งชั้นดีตกแต่งด้วยด้ายสีแดงตามสไตล์ RS โดยมีระบบปรับไฟฟ้าฝั่งคนขับได้ 8 ทิศทาง ฝั่งคนนั่งข้างได้ 4 ทิศทาง ขาดช่องแอร์ด้านหลัง

พวงมาลัยเป็นแบบหุ้มหนังทรงกลม ปรับระดับได้ 4 ทิศทาง พร้อมแพดเดิลชิฟต์ และปุ่ม multifunction อยู่บนก้านทั้ง 2 ข้าง ซ้ายใช้ปรับคุมเครื่องเสียง ด้านขวาเอาไว้คุมระบบ adaptive cruise control มาตรวัดหน้าจอ TFT มากับขนาด 10.2 นิ้ว แบบดิจิทัลบอกข้อมูลทุกอย่างบนจอนี้

ระบบช่วงล่าง หน้าเป็นแบบอิสระ แม็กเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังใช้แบบอิสระ มัลติลิงก์ พร้อมเหล็กกันโคลง จุดนี้เองที่ทำให้หนึบหนับ แต่นุ่มนวล ล้อแม็กสีดำ matte black ขนาด 17 นิ้ว กับยางขนาด 215/50 R17ระบบเบรกให้มาเป็นดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ

ขุมพลังเป็นเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว VTEC TURBO รีดพละกำลังออกมาได้มากกว่าเดิม 5 ตัว เป็น 178 แรงม้า แรงบิด 240 นิวตันเมตร สูงกว่าเดิมที่ทำได้ 220 นิวตันเมตร เกียร์เป็น CVT เหมือนเดิม แต่ในส่วนของน้ำมันเชื้อเพลิงสามารถรองรับน้ำมันได้สูงสุดถึง E85

ฟีลลิ่งการขับขี่ อัตราเร่งนั้นตอบสนองดีมาก นั่งเยอะแล้วอืดลืมได้เลย แค่โหมด normal ก็เหลือ ๆ ขับสนุกมาก ปรับไปโหมดสปอร์ต สามารถลากรอบได้ยาวขึ้น ตอนเทอร์โบบูสต์อาการหลังติดเบาะมาชัดเจน

ยิ่งได้การควบคุมพวงมาลัยที่แม่นยำ น้ำหนักพอดีมือ เกาะถนนหนึบ ผสานกับระบบเบรกที่ตอบสนองน้ำหนักกดจากเท้าได้อย่างเหมาะเจาะ

กลายเป็นรถที่ขับสนุก นั่งอยู่หลังพวงมาลัยแล้วแทบไม่อยากปล่อยมือเลยทีเดียวอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยวิ่งในเมืองนอกเมืองได้ประมาณ 10.2 กม./ลิตร โอเคเลย

และที่ต้องให้เครดิตคือ การนำระบบความปลอดภัย Honda Sensing มาไว้ครบทุกตัว

ตั้งแต่ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ

ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมตอยู่ห่างจากตัวรถ ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน ล้วนทำให้ซีวิคเจนนี้กลายเป็นรถที่น่าลงทุน

สนนราคาค่าตัว รุ่น RS 1,199,900 บาท ดูสมเหตุสมผลเลยทีเดียว