เบ่งสุดตัวขายรถปี 2564 จบ 7.6 แสนคัน “ฟอร์ด”โต 12% ทุ่มอัพเกรดไลน์ผลิต

ฟอร์ด

ขายรถยนต์ปี 2564 เบ่งกันสุดๆ จบแค่ 7.62 แสนคัน โตโยต้ากัดฟันทุ่มตลาดโค้งสุดท้ายฟันยอด 2.39 แสนคัน “ฟอร์ด” เซ็กเมนต์ปิกอัพโตมากถึง 12% ทุ่มอัพเกรดไลน์ผลิต ลั่นปี 2565 เศรษฐกิจฟื้นกำลังซื้อรถใหม่ทยอยลงตลาดต่อเนื่อง ดันยอดทะลุ 8.5 แสนคัน สอท.ห่วงชิปขาด โอมิครอนกระทบกำลังผลิต

แหล่งข่าวจากหอการค้าญี่ปุ่น (JCC) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ยอดขายรถยนต์โดยรวมปี 2564 แม้จะต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจรวมถึงไวรัสโควิด แต่ทุกยี่ห้อยังสามารถทำตัวเลขได้มากถึง 762,217 คัน ต่ำกว่าปี 2563 ซึ่งขายได้  792,146 คัน ลดลงเกือบ 3 หมื่นคัน อันดับ 1 โตโยต้า 239,723 คัน, อีซูซุ 184,160 คัน, ฮอนด้า 88,692 คัน, มิตซูบิชิ 47,188 คัน, นิสสัน 29,696 คัน, มาสด้า 35,384 คัน, ฟอร์ด 32,388 คัน, เอ็มจี 31,006 คัน, ซูซูกิ 22,378 คัน, เกรท วอลล์ฯ 3,702 คัน และอื่น ๆ 47,188 คัน

“ต้องยอมรับงานว่ามอเตอร์เอ็กซ์โปเมื่อปลายปีที่แล้วช่วยได้เยอะ กวาดยอดไปกว่า 3 หมื่นคัน นอกจากนี้ แต่ละค่ายยังกัดฟันทุ่มตลาดเพื่อกระตุ้นยอดในช่วงปลายปี โดยเฉพาะค่ายโตโยต้าใช้เงินช่วงปลายปีไปเยอะมาก ทำให้ยอดทิ้งห่างคู่แข่งไปเกือบ 6 หมื่นคัน”

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า สำหรับปี 2565 ตลาดเริ่มฟื้นตัวความต้องการใช้รถมีมากขึ้น คาดการณ์ว่าตลาดน่าจะทะลุไปถึง 850,000 คัน โดยทุกค่ายรถเตรียมพร้อมส่งรุ่นใหม่ทำตลาดกันอย่างคึกคัก นอกจากนี้ในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) รัฐบาลมีแพ็กเกจที่จะมาสนับสนุน ทั้งลดภาษีนำเข้าในช่วงที่ยังไม่ขึ้นไลน์ผลิต และภาษีสรรพสามิต รวมถึงมีเงินอุดหนุนสำหรับลูกค้าที่ซื้อรถอีวี เชื่อว่าน่าจะทำให้ตลาดคึกคักขึ้นมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับรถใหม่ที่จะมาใน 2565 อาทิ รถยนต์นั่งในกลุ่มเอ็มพีวี โตโยต้า Veloz ที่จะเข้ามาแทนอะแวนซ่าเดิม ตัวนี้เพิ่งทำคลอดในตลาดอินโดนีเซียไปก่อนหน้านี้เพียงเล็กน้อย มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาด คือ 1.3 และ 1.5 ลิตร นอกจากนี้อาจจะต้องปรับไลน์อัพครั้งใหญ่สำหรับรถยนต์นั่งขนาดเล็ก เนื่องจากวีออสรุ่นปัจจุบันจะเป็นรุ่นสุดท้ายและถูกทดแทนด้วยยาริสและเอทีฟ

ขณะที่ค่ายฮอนด้า ปีนี้น่าจะมีบีอาร์-วี เข้ามาเสริมอีกรุ่น โดยเลือกนำเข้าจากโรงงานอินโดนีเซีย ส่วนเจ้าพ่ออีโคคาร์แบรนด์ซูซูกิ ปีนี้น่าจะมีเซเลริโอนิวโมเดลมาเสริมตลาด ไม่ต่างจากค่ายมิตซูบิชิ หลังเก็บเกี่ยวยอดขายเอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี มาพักใหญ่ ปีนี้น่าจะมีอะไรใหม่ ๆ ในกลุ่มอีโคคาร์ทั้งมิราจ และแอททราจ

ด้านนายวิชิต ว่องวัฒนาการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ด เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปี 2564 ฟอร์ดปิดการขายที่ 32,388 คัน โตขึ้น 8% แยกเป็นเซ็กเมนต์ปิกอัพโตมากถึง 12%  ส่วนแผนเปิดตัวรถใหม่ปี 2565 ฟอร์ดใช้เงินลงทุน 2.8 หมื่นล้านบาท ปรับไลน์ผลิต เติมเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัยเพื่อใช้โรงงานในไทยเป็นฮับผลิตปิกอัพและปิกอัพดัดแปลง (พีพีวี)

อาทิ เครื่องปั๊มตัวถังซึ่งให้ความแม่นยำสูงและเป็นที่เทคโนโลยีใหม่ที่จะไม่ทำให้ชิ้นเหล็กลดคุณภาพจากความร้อน มีการจ้างงานเพิ่ม เนื่องจากขยายกำลังการผลิตเยอะ มั่นใจว่าปี 2565 จะกวาดยอดขายได้ดีกว่าปีที่ผ่านมาแน่นอน หรือมียอดขายรวมไม่น้อยกว่า 40,000 คัน

ขณะที่นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงคาดการณ์ยอดการผลิตรถยนต์ในปี 2565 คาดว่าจะอยู่ที่ 1,700,000-1,800,000 คัน แบ่งเป็น ยอดขายในประเทศ 800,000-850,000 คัน และส่งออก 900,000-950,000 คัน

ทั้งนี้ยังต้องประเมินความเสี่ยงของการระบาดโควิดสายพันธุ์โอมิครอนที่อาจส่งผลต่อการผลิต รวมถึงการขาดแคลนชิปที่ยังเป็นปัจจัยหลัก ทำให้ไม่สามารถผลิตรถยนต์บางรุ่นได้

“ตอนนี้ตลาดโลกเริ่มฟื้น และจากการที่ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถกระบะที่ส่งออกไปกว่าหลายประเทศ จึงสามารถส่งออกได้เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากรถยนต์สำเร็จรูปแล้ว เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์และอะไหล่รถยนต์ก็ส่งออกเพิ่มขึ้นตามการผลิตรถยนต์ที่เติบโตอีกด้วย แต่ยังต้องติดตามการระบาดโควิดสายพันธ์ุโอมิครอนอย่างใกล้ชิด ที่จะส่งผลต่อเนื่องต่อการผลิตปีหน้า ซึ่งตอนนี้เชื่อว่ายังสามารถควบคุมได้ดี รวมทั้งปัญหาหลักคือชิปที่ขาดแคลนด้วย”