คอลัมน์ : เวทีรถใหม่
ค่ายออดี้ส่งเทคโนโลยีขุมพลังปลั๊ก-อิน ไฮบริดเจเนอเรชั่นล่าสุดให้สมรรถนะยอดเยี่ยม Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition
มาพร้อม dynamic badge ตราสัญลักษณ์ “60 TFSI e” ด้านท้ายรถซึ่งเป็นตัวเลขบ่งบอกแรงม้าที่สูงที่สุดเท่าที่ Audi เคยใช้มา
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
ผสมผสานกันอย่างลงตัว เครื่องยนต์ V6 เทอร์โบ ขนาด 2,995 ซีซี ผลิตแรงม้าได้ที่ 340 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร
ทำงานควบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังได้ถึง 136 แรงม้า และแรงบิด 400 นิวตันเมตร จัดเป็นรถยนต์พรีเมี่ยมเอสยูวี ปลั๊ก-อิน ไฮบริดที่มีพละกำลังสูงสุดในตลาดประเทศไทยในปัจจุบัน อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 5.4 วินาที และความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง
แบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออนแรงดันสูงมีความจุ 17.9 กิโลวัตต์ สามารถรองรับการชาร์จได้สูงสุดถึง 7.4 กิโลวัตต์/ชั่วโมง ทำให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่เต็มได้ภายใน 2.5 ชั่วโมง
สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้มากกว่า 40 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ซึ่งเหมาะสมกับการใช้รถในเมือง ซึ่งสอดรับจากการวิจัยของออดี้ พบว่าลูกค้าส่วนมากจะใช้งานรถไฟฟ้าในเมืองไม่เกินวันละ 30 กิโลเมตร
ความพิเศษของออดี้ ปลั๊ก-อิน ไฮบริดอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค คือ แบตเตอรี่เจเนอเรชั่นล่าสุดนี้ หากมีความเสียหายเกิดขึ้นช่างเทคนิคจะสามารถเปลี่ยนอะไหล่และแบตเตอรี่แยกย่อยเป็นแต่ละโมดูลได้
ทำให้ค่าบำรุงรักษาเมื่อแบตเตอรี่หมดระยะรับประกันจะต่ำลงเป็นอย่างมาก เพื่อความสบายใจในการใช้งานไปได้นาน ๆ
หรือหากจะเปลี่ยนคันใหม่ resell value ราคาก็จะไม่ลดมูลค่าลง
แบตเตอรี่แรงดันสูงในรถปลั๊ก-อิน ไฮบริดของออดี้มีการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร
สนนราคาค่าตัว Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition 4,799,000 บาท