ตลาดรถนำเข้าซึ่งถูกแฮนด์เดิลโดยกลุ่มผู้นำเข้าอิสระช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าได้รับผลกระทบรอบด้าน เผชิญกับอุปสรรคและปัญหานานัปการทั้งการปรับเปลี่ยนนโยบายของหน่วยงานราชการ ไม่ว่าจะเป็นการชำระภาษีเพื่อนำรถยนต์ออกจากเขตพื้นที่ปลอดอากร การกำหนดราคาขาย การปรับเปลี่ยนวิธีการและอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ซึ่งล้วนส่งผลให้การทำตลาดสะดุด นอกจากนี้สำหรับตัว
ผู้นำเข้าเองก็ ขาดประสบการณ์ในการรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น จึงทำให้เกิดข้อติดขัดในการดำเนินธุรกิจมากมาย ส่วนปี 2561 สถานการณ์ต่าง ๆ จะเป็นอย่างไร ลองไปติดตามคำให้การของ “สมศักดิ์ ศรีรัตนประภาส” ประธานกรรมการบริหารบจก.เบนซ์รามคำแหง(บีอาร์จี กรุ๊ป) และหมวกอีกใบในฐานะนายกสมาคมผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่
Q : มองสถานการณ์รถนำเข้าปี 2561 อย่างไร
ตลาดรถนำเข้าในปี 2561 คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2560 ในระดับหนึ่งแน่นอน แต่ก็ต้องพิจารณาการลงทุนของภาครัฐและเมกะโปรเจ็กต์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น หากภาครัฐมีการ
ลงทุนเมกะโปรเจ็กต์มากขึ้น ก็จะส่งผลที่ดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมทำให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากขึ้นประกอบกับ ความยุ่งยากของหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ของรถนำเข้าก็น่าจะคลี่คลายและส่งผลให้ภาพรวมของธุรกิจนำเข้าไปในทิศทางที่ ดีขึ้น
ส่วนปี 2560 ต้องยอมรับไม่ค่อยดีครับ แต่บังเอิญไตรมาสสุดท้ายของปีมีอีเวนต์ขายรถใหญ่ประจำปี ซึ่งทำให้ผู้นำเข้าอิสระได้เทขายล้างสต๊อกไปพอสมควร ของบีอาร์จีเองไม่เป็นไปตามเป้าหมายการขายไว้ แต่สามารถขายรถในสต๊อกได้เกือบทั้งหมด โดยเฉพาะรถบ้าน Swift Motor Home, รถ Mini Moke และรถ Carlsoon ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่ชื่นชอบความแตกต่าง โดยสรุปรายได้น่าจะต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ตั้งแต่ต้นปีเล็กน้อย
Q : การปรับตัวจะไปในทิศทางไหน
เนื่องจากบีอาร์จี กรุ๊ป ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของการบริการหลังการขายมาอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราได้ปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพด้านบริการต่าง ๆ อย่างมากมาย ล่าสุด ได้มีการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่มขึ้นอีก 2 สาขา ทำให้ปัจจุบัน บีอาร์จี กรุ๊ป มีสาขารวมทั้งสิ้น 5 แห่ง ได้แก่ ศรีนครินทร์, รามคำแหง, สุทธิสาร, แจ้งวัฒนะ และภูเก็ต พร้อมทั้งเปิดบริการ BRG Service Express ควบคู่กับการบริการซ่อมรถยนต์แบบองค์รวม ระดับไฮเอนด์รองรับรถยนต์ระดับหรู “ปอร์ช” และ “โฟล์คสวาเกน” ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้ารถยนต์ระดับพรีเมี่ยมเป็นอย่างดี นโยบายและทิศทางในปี 2561 บีอาร์จี กรุ๊ป จะเน้นศักยภาพในการบริการเพิ่มมากขึ้น ด้วยการนำระบบเทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามาใช้ในการบริการในส่วนของบริการหลังการขาย จะนำเทคโนโลยีในส่วนของอุปกรณ์และเครื่องมือพิเศษเข้ามาใช้ในทุกกระบวนการ ดูแลและซ่อมบำรุงรถยนต์ของแต่ละศูนย์บริการของ บีอาร์จี กรุ๊ป มากยิ่งขึ้น อันสืบเนื่องจากนโยบายของปีนี้ ที่มุ่งยกระดับคุณภาพด้านบริการให้เหนือมาตรฐานสำหรับการซ่อมแซมและบำรุง รักษารถยนต์ทุกยี่ห้อ ทุกรุ่น ด้วยบริการแบบองค์รวม และครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า ตั้งแต่การบริการนัดหมาย รับ-ส่งรถยนต์ การวิเคราะห์และการตรวจเช็กสภาพ รวมถึงการดูแลและซ่อมบำรุงรถยนต์เฉพาะทางสำหรับรถยนต์ในแต่ละยี่ห้อ
Q : มองธุรกิจอื่นอะไรบ้างที่จะมาเสริมรายได้
แน่นอน เมื่อตลาดขายรถนำเข้าอย่างเดียวได้รับผลกระทบ เราก็ต้องมีบริการอื่น ๆ มาเสริม อาทิ ธุรกิจบริการรถเช่าสำหรับลูกค้าที่ต้องการการใช้รถยนต์แบบไม่มีภาระในเรื่อง ค่าใช้จ่ายการบำรุงรักษา, ธุรกิจเคลือบแก้ว สำหรับลูกค้าที่ให้ความสนใจและต้องการดูแลรถยนต์เป็นพิเศษ, ธุรกิจโบรกเกอร์ประกันภัย ที่มีทั้งประกันภัยรถยนต์และประกันวินาศภัย เพื่อให้การดำเนินธุรกิจด้านยานยนต์เป็นแบบครบวงจรในทุก ๆ ด้าน
Q : อาวุธใหม่ที่จะมาถล่มตลาดปีหน้า
การ ขายรถยนต์ ยังคงเป็นส่วนที่ทำรายได้หลัก ปี 2561 เราจะมีการเปิดตัวและแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ ทั้งแบบนิวโมเดล และไมเนอร์เชนจ์กว่า 10 รุ่น โดยเน้นการเพิ่มยอดขาย ด้วยการใช้สื่อดิจิทัลเป็นหลัก ควบคู่ไปกับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ในระบบการจัดการมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการนำเข้าและการจำหน่ายรถยนต์ อาทิ การสั่งซื้อ การสั่งจอง การส่งมอบ และการสต๊อกรถยนต์ เพื่อรองรับการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ และสร้างความสะดวกรวดเร็วเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรองรับนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” ซึ่งเป็นโมเดลในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย ในยุคปัจจุบัน ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า ยิ่งขึ้น
Q : มองนโยบายรัฐที่ผ่านมาอย่างไรบ้าง
ขออนุญาติกล่าวในฐานะนายกสมาคมผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่ จริง ๆ หากรัฐบาลจะปรับเปลี่ยนนโยบายควรจะมีการแจ้งให้ผู้ประกอบการทราบล่วงหน้า อย่างชัดเจน เพราะถ้าไม่แจ้งย่อมต้องส่งผลกระทบต่อการขายรถยนต์ของผู้นำเข้าอิสระอย่าง รุนแรงแน่นอน กรณีไม่สามารถชำระภาษีเพื่อนำรถยนต์ออกมาขายได้นั้น เหตุเพราะทางหน่วยงานรัฐไม่ยอมรับราคาสำแดงเดิมอีกทั้งมีการเรียกขอเอกสาร เพิ่มเติมแบบกะทันหันที่เกินความสามารถของผู้นำเข้าอิสระจะจัดหาให้ได้ ทำให้บริษัทหลายแห่งต้องปิดกิจการไปเป็นจำนวนมาก ก่อให้เกิดการเลิกจ้างงาน บางแห่งต้องประสบปัญหาล้มละลาย ทำให้เกิดภาวะหนี้สูญกับสถาบันการเงิน และซัพพลายเออร์ต่าง ๆ ภาครัฐไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้,ตลาดไม่เกิดการแข่งขันในด้านราคาทั้งส่งผลก ระทบต่อผู้บริโภคที่ต้องซื้อรถยนต์ในราคาแพงขึ้นมาก ดังนั้นทางสมาคมต้องใช้คำว่าวิงวอนไปยังหน่วยงานภาครัฐ โปรดแจ้งการปรับเปลี่ยนนโยบายต่าง ๆ ล่วงหน้า เพื่อให้ผู้ประกอบสามารถวางแผนและรับมือ มีเสียบ่นจากสมาชิกหลายคนตัดพ้อต่อว่าอยากจะถามภาครัฐว่า กลุ่มผู้นำเข้ามีประโยชน์กับเศรษฐกิจของประเทศบ้างหรือเปล่า ที่ผ่านมาเห็นประโยชน์จากการช่วยลดการผูกขาดได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าหน่วยงานรัฐเห็นว่าผู้นำเข้าไร้ประโยชน์ก็แจ้งมา เราจะเลิกหันไปทำธุรกิจอย่างอื่นแทน