“เฌอรี่” เข็นอีวีลุยตลาดไตรมาส 4 ประเดิม “โอโมด้า5” อัพเกรดเทคโนโลยีใหม่

“เฌอรี่” สุ่มรุกตลาดรถอีวีในไทย มั่นใจจุดขายเหนือคู่แข่งหลังอัพเกรดเทคโนโลยีใหม่ เล็งส่งเอสยูวี “โอโมด้า 5” ตอบโจทย์ลูกค้าคนไทย ตอกย้ำความแข็งแกร่งยุคพลังงานสะอาดขยายการสร้างพลังงานแบบ All-Domain 4.0 พร้อมเพิ่มทางเลือกใหม่ “ฟิวส์เซลล์”

แหล่งข่าวจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่าน่าจะภายในไตรมาสที่ 4 ปีนี้จะมีค่ายรถจีนแบรนด์ “เฌอรี่” เข้ามาเพิ่มสีสันและทางเลือกให้กับตลาดรถยนต์ในบ้านเรา หลังจากที่แบรนด์เอ็มจี และเกรท วอลล์ฯประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในการทำตลาด

“ตอนนี้เฌอรี่กำลังจัดตั้งบริษัท เฌอรี่ประเทศไทย รวมถึงหาพันธมิตรเพื่อช่วยทำตลาดและเร่งสร้างอีโคซิสเต็มเพื่อรองรับกับโปรดักต์ของตัวเอง ซึ่งมีทั้งเครื่องยนต์สันดาป, ไฮบริด, ปลั๊ก-อิน ไฮบริด,อีวี รวมถึงฟิวส์เซลล์ หรือพลังงานไฮโดรเจน”

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า เฌอรี่มีแผนที่จะเปิดตัวเอสยูวีในกลุ่ม Bพลัส คันแรกในประเทศไทย เป็นรุ่น “โอโมด้า 5” ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่แบบ 100% ซึ่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมาได้คลอดจากสายการผลิตที่สำนักงานใหญ่ของเฌอรี่ในประเทศจีน

เป็นรถครอสโอเวอร์เอสยูวีที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีโลกอนาคตเพื่อเอาใจคนรุ่นใหม่ทั่วโลก

“รถรุ่นนี้ผ่านการวิจัยและพัฒนามาตรฐานระดับสากล คุณภาพระดับ 5 ดาว ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของโครงการประเมินรถใหม่ของยุโรป ออสเตรเลีย จีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ไปจนถึงอเมริกากลางและอเมริกาใต้ วิ่งได้ไกลกว่า 500 กม. พร้อมระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ L2+ และระบบช่วยผู้ขับขี่ขั้นสูงเพื่อยกระดับความปลอดภัย”

เฌอรี่ยังได้ตอกย้ำความแข็งแกร่ง ในยุคของพลังงานใหม่โดยได้ขยายการสร้างพลังงานแบบ All-Domain 4.0 ใช้ระบบการพัฒนาระบบส่งกำลังซึ่งครอบคลุมเครื่องยนต์แบบดั้งเดิม เครื่องยนต์แบบไฮบริด ระบบเกียร์ และยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพิ่มเติมเพื่อรักษาความได้เปรียบเอาไว้ในตลาด

พร้อมเปิดตัวระบบเกียร์ไฮบริดแบบเฉพาะ DHT ที่มีฟังก์ชั่นครบถ้วน “แห่งแรกของโลก” ระบบเกียร์ไฮบริดเฉพาะ 3DHT125 ได้รับการติดตั้งแล้วใน TIGGO 8 Pro e+ และเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้ยังได้อัพเกรดพลังงานไฟฟ้าแบบใหม่และพลังงานไฮโดรเจน ซึ่งเฌอรี่เคยแสดงในงาน World Manufacturing Convention ซึ่งรถยนต์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนรุ่นที่ 3 ที่มีเซลล์เชื้อเพลิง 30kW สามารถเติมไฮโดรเจนได้ภายใน 3 นาที และวิ่งได้ไกลกว่า 700 กิโลเมตร